ปณท อัดงบ7พันล.พัฒนาบริการ
ปณท ทุ่มงบ 7 พันล้านบาทต่อปี เสริมระบบการให้บริการลูกค้า ลั่นเร่งทยอยอัพเกรดระบบ New CA Post ต่อยอดบริการใหม่ หลังขึ้นระบบไปแล้ว 255 แห่ง ลั่นรายได้หลัก 90% ยังเป็นธุรกิจส่งของ ส่วน “แบงกิ้งเอเยนต์” มีสัดส่วนแค่ 10% ไม่ขยับเพิ่ม แม้ธนาคารจ่อร่วมมือ พร้อมตั้งเป้ารายได้ทั้งปี 3 หมื่นล้านบาท กำไร 4.5 พันล้านบาท
นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท)เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปณท ได้ลงทุนงบประมาณเฉลี่ย 7,000 ล้านบาทต่อปีในการพัฒนาระบบที่เกี่ยวกับการให้บริการ เช่น อยู่ระหว่างอัพเกรดระบบ CA Post เป็น New CA Post ซึ่งติดตั้งไปแล้ว 255 แห่งเหลืออีกกว่า 1,000 แห่งทยอยขึ้นระบบ ซึ่งระบบใหม่ New CA Post จะเป็นบริการที่เพิ่มขึ้นจากระบบ Cash on Delivery หรือ COD ที่เก็บเงินปลายทาง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ หรือพัฒนาแอพพลิเคชัน Promptpost ที่ให้กับลูกค้ารายใหญ่หรือแม่ค้าพ่อค้าสามารถสั่งส่งของออนไลน์ล่วงหน้า เพื่อไม่ได้ต้องรอคิว หรือบริการกล่องเหมาจ่าย
ดังนั้น สัดส่วนรายได้ของปณท จะเห็นว่า 90% ยังคงมาจากธุรกิจหลัก คือ รับส่งของ และที่เหลือ 10% มาจากธุรกิจอื่น เช่น รับส่งของไปต่างประเทศ หรือการขยายความร่วมมือกับสถาบันการเงินเปิดบริการ “แบง กิ้งเอเยนต์” แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา สถาบันการเงินจะเข้ามาร่วมมือกับ ปณท มากขึ้น แต่เชื่อว่า สัดส่วนรายได้ยังคงอยู่ที่ 10% ไม่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ ในแง่รายได้ปีนี้ทั้งปี ตั้งเป้าที่ 3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจหลักรับส่งของในประเทศ 90% หรือประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท และรายได้จากธุรกิจอีก 3,000 ล้านบาท โดยจะมาจากธุรกิจรับส่งของต่างประเทศ 1,000 ล้านบาท และธุรกิจอื่นๆ เช่น แบงกิ้งเอเยนต์ และชำระค่าบริการ สาธารณูปโภค (Pay@Post) ที่เหลืออีก 2,000 ล้านบาท ขณะที่กำไร ตั้งเป้าทั้งปีที่ 4,500 ล้านบาท โดยผ่านมาในช่วง 6 เดือนแรก สามารถทำกำไรแล้วประมาณ 2,000 ล้านบาท คาดว่า ภายในสิ้นปีจะทำได้ตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ดีการรับเป็น “แบงกิ้งเอเยนต์” ให้กับสถาบันการเงิน จะเป็นการต่อยอดธุรกิจ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งลูกค้าและสถาบันการเงิน โดยปณท ใช้จุดแข็งในการเข้าถึงผู้บริโภคและพื้นที่สาขาให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น
หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,396 วันที่ 30 สิงหาคม - 1 กันยายน พ.ศ. 2561
นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท)เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปณท ได้ลงทุนงบประมาณเฉลี่ย 7,000 ล้านบาทต่อปีในการพัฒนาระบบที่เกี่ยวกับการให้บริการ เช่น อยู่ระหว่างอัพเกรดระบบ CA Post เป็น New CA Post ซึ่งติดตั้งไปแล้ว 255 แห่งเหลืออีกกว่า 1,000 แห่งทยอยขึ้นระบบ ซึ่งระบบใหม่ New CA Post จะเป็นบริการที่เพิ่มขึ้นจากระบบ Cash on Delivery หรือ COD ที่เก็บเงินปลายทาง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ หรือพัฒนาแอพพลิเคชัน Promptpost ที่ให้กับลูกค้ารายใหญ่หรือแม่ค้าพ่อค้าสามารถสั่งส่งของออนไลน์ล่วงหน้า เพื่อไม่ได้ต้องรอคิว หรือบริการกล่องเหมาจ่าย
ดังนั้น สัดส่วนรายได้ของปณท จะเห็นว่า 90% ยังคงมาจากธุรกิจหลัก คือ รับส่งของ และที่เหลือ 10% มาจากธุรกิจอื่น เช่น รับส่งของไปต่างประเทศ หรือการขยายความร่วมมือกับสถาบันการเงินเปิดบริการ “แบง กิ้งเอเยนต์” แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา สถาบันการเงินจะเข้ามาร่วมมือกับ ปณท มากขึ้น แต่เชื่อว่า สัดส่วนรายได้ยังคงอยู่ที่ 10% ไม่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ ในแง่รายได้ปีนี้ทั้งปี ตั้งเป้าที่ 3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจหลักรับส่งของในประเทศ 90% หรือประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท และรายได้จากธุรกิจอีก 3,000 ล้านบาท โดยจะมาจากธุรกิจรับส่งของต่างประเทศ 1,000 ล้านบาท และธุรกิจอื่นๆ เช่น แบงกิ้งเอเยนต์ และชำระค่าบริการ สาธารณูปโภค (Pay@Post) ที่เหลืออีก 2,000 ล้านบาท ขณะที่กำไร ตั้งเป้าทั้งปีที่ 4,500 ล้านบาท โดยผ่านมาในช่วง 6 เดือนแรก สามารถทำกำไรแล้วประมาณ 2,000 ล้านบาท คาดว่า ภายในสิ้นปีจะทำได้ตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ดีการรับเป็น “แบงกิ้งเอเยนต์” ให้กับสถาบันการเงิน จะเป็นการต่อยอดธุรกิจ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งลูกค้าและสถาบันการเงิน โดยปณท ใช้จุดแข็งในการเข้าถึงผู้บริโภคและพื้นที่สาขาให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น
หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,396 วันที่ 30 สิงหาคม - 1 กันยายน พ.ศ. 2561
