แบงก์ใหญ่ปรับทัพ สู้ศึกระดมเงินฝาก
แบงก์พาณิชย์ขนาดใหญ่"กสิกร-ไทยพาณิชย์" ปรับเกมสู้ธนาคารขนาดเล็ก เปิดศึกระดมเงิน เล็งออกแคมเปญพิเศษดึงเงินฝากผ่าน Payment “ธนชาต” เชื่อตลาดเน้นออกโปรดักต์ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปีรอจังหวะดอกเบี้ยขยับ
นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การแข่งขันทางด้านเงินฝากในปัจจุบันยังไม่รุนแรงมาก แต่ก็มีสถาบันการเงินบางแห่ง โดยเฉพาะสถาบันการเงินขนาดเล็กเริ่มขยับออกแคมเปญเงินฝากหรือเริ่มส่งสัญญาณการแข่งขันระดมเงินฝากให้เห็นบ้างแล้ว เนื่องจากสภาพคล่องและการเติบโตสินเชื่อแตกต่างจากสถาบันการเงินขนาดกลางและขนาดใหญ่
[caption id="attachment_310373" align="aligncenter" width="328"]
วีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร[/caption]
ในส่วนของธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าเติบโตเงินฝากในปีนี้อยู่ที่ 6% หรือมีฐานเงินฝากภายในสิ้นปีจะอยู่ที่ 1.34 ล้านล้านบาท สอดคล้องกับภาพรวมการเติบโตสินเชื่อ โดยในช่วงครึ่งปีแรกเงินฝากเติบโตแล้วประมาณ 4% หรือมีเงินฝากอยู่ที่ 1.3 ล้านล้านบาท
“มีโอกาสที่ดอกเบี้ยจะปรับขึ้น และเราต้องพิจารณาออกโปรดักต์เงินฝากเพื่อบริหารต้นทุนได้ แต่หากดูสภาพคล่องตอนนี้อยู่ที่ 96-97% ก็ไม่ได้วิกฤติอะไร นอกจากกรณีมีโครงการใหญ่ออกมาและต้อง การเงินทุน เราก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องระดมเงินฝาก เพื่อปล่อยสินเชื่อและบริหารต้นทุนก่อนดอกเบี้ยขึ้น”
นางสาวศลิษา หาญพานิช ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสาย First และผู้บริหารสาย Segment Management ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปีอาจจะเห็นการปรับขึ้นของดอกเบี้ยเงินฝากได้ โดยเฉพาะเงินฝากในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นเงินฝากดอกเบี้ยสูง เช่น เงินฝากประจำ 3-12 เดือน อาจจะเห็นตลาดปรับดอกเบี้ยขึ้นได้ราว 0.10% ซึ่งในส่วนของธนาคารก็จะมีผลิตภัณฑ์เงินฝากประเภทนี้ ส่วนจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่นั้น อาจจะต้องขึ้นอยู่กับภาวะตลาดการแข่งขัน และการเติบโตสินเชื่อ รวมถึงสภาพคล่องยังคงเพียงพออยู่
ธนาคารจึงอาจจะยังไม่เน้นแข่งขันระดมเงินฝากมากนัก แต่จะเน้นใช้วิธีการบริหารจัดการเงินฝาก โดยอาจจะยังไม่มีแคมเปญดอกเบี้ยพิเศษออกมา แต่จะเน้นให้ลูกค้าเป็น Main Bank Payment ซึ่งจะช่วยให้มีเงินฝากเข้ามาได้ หรือพยายามเพิ่มสัดส่วนเงินฝากที่เป็น เงินฝากกระแสรายวันและเงินฝากออมทรัพย์ ให้มากขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนเงินฝากประเภทนี้ประมาณ 65% จากฐานเงินฝากที่มีอยู่ 2 ล้านล้านบาท ขณะที่เป้าหมายเงินฝากทั้งปีอยู่ที่ 5% สอดคล้องกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ
(จีดีพี) และภาพรวมสินเชื่อที่ขยายตัว
“เรายังไม่เน้นแข่งระดมเงินฝากมากนัก เพราะสภาพคล่องยังมีอยู่ แต่อาจจะใช้วิธีบริหารจัดการและดึงเงินฝากผ่านการใช้บริการ Payment ของลูกค้าแทน ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยน่าจะเห็นขยับขึ้นได้บ้างในแคมเปญพิเศษบางตัว”
นางธีรนุช ขุมทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ พัฒนาผลิตภัณฑ์ธุรกิจลูกค้ารายย่อย ธนาคารธนชาต กล่าวว่า การระดมเงินฝากยังคงมีต่อเนื่อง แต่อัตราเร่งในการระดมเงินฝากไม่ได้สูงมากนัก เนื่องจากตลาดกำลังรอดูทิศทางอัตราดอกเบี้ย ผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ออกมาส่วนใหญ่ยังเน้นระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี รวมถึงเงินฝากแคมเปญพิเศษที่มีอยู่แล้วของธนาคาร
หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,396 วันที่ 30 สิงหาคม - 1 กันยายน พ.ศ. 2561
นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การแข่งขันทางด้านเงินฝากในปัจจุบันยังไม่รุนแรงมาก แต่ก็มีสถาบันการเงินบางแห่ง โดยเฉพาะสถาบันการเงินขนาดเล็กเริ่มขยับออกแคมเปญเงินฝากหรือเริ่มส่งสัญญาณการแข่งขันระดมเงินฝากให้เห็นบ้างแล้ว เนื่องจากสภาพคล่องและการเติบโตสินเชื่อแตกต่างจากสถาบันการเงินขนาดกลางและขนาดใหญ่
[caption id="attachment_310373" align="aligncenter" width="328"]
ในส่วนของธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าเติบโตเงินฝากในปีนี้อยู่ที่ 6% หรือมีฐานเงินฝากภายในสิ้นปีจะอยู่ที่ 1.34 ล้านล้านบาท สอดคล้องกับภาพรวมการเติบโตสินเชื่อ โดยในช่วงครึ่งปีแรกเงินฝากเติบโตแล้วประมาณ 4% หรือมีเงินฝากอยู่ที่ 1.3 ล้านล้านบาท
“มีโอกาสที่ดอกเบี้ยจะปรับขึ้น และเราต้องพิจารณาออกโปรดักต์เงินฝากเพื่อบริหารต้นทุนได้ แต่หากดูสภาพคล่องตอนนี้อยู่ที่ 96-97% ก็ไม่ได้วิกฤติอะไร นอกจากกรณีมีโครงการใหญ่ออกมาและต้อง การเงินทุน เราก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องระดมเงินฝาก เพื่อปล่อยสินเชื่อและบริหารต้นทุนก่อนดอกเบี้ยขึ้น”
นางสาวศลิษา หาญพานิช ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสาย First และผู้บริหารสาย Segment Management ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปีอาจจะเห็นการปรับขึ้นของดอกเบี้ยเงินฝากได้ โดยเฉพาะเงินฝากในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นเงินฝากดอกเบี้ยสูง เช่น เงินฝากประจำ 3-12 เดือน อาจจะเห็นตลาดปรับดอกเบี้ยขึ้นได้ราว 0.10% ซึ่งในส่วนของธนาคารก็จะมีผลิตภัณฑ์เงินฝากประเภทนี้ ส่วนจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่นั้น อาจจะต้องขึ้นอยู่กับภาวะตลาดการแข่งขัน และการเติบโตสินเชื่อ รวมถึงสภาพคล่องยังคงเพียงพออยู่
ธนาคารจึงอาจจะยังไม่เน้นแข่งขันระดมเงินฝากมากนัก แต่จะเน้นใช้วิธีการบริหารจัดการเงินฝาก โดยอาจจะยังไม่มีแคมเปญดอกเบี้ยพิเศษออกมา แต่จะเน้นให้ลูกค้าเป็น Main Bank Payment ซึ่งจะช่วยให้มีเงินฝากเข้ามาได้ หรือพยายามเพิ่มสัดส่วนเงินฝากที่เป็น เงินฝากกระแสรายวันและเงินฝากออมทรัพย์ ให้มากขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนเงินฝากประเภทนี้ประมาณ 65% จากฐานเงินฝากที่มีอยู่ 2 ล้านล้านบาท ขณะที่เป้าหมายเงินฝากทั้งปีอยู่ที่ 5% สอดคล้องกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ
(จีดีพี) และภาพรวมสินเชื่อที่ขยายตัว
“เรายังไม่เน้นแข่งระดมเงินฝากมากนัก เพราะสภาพคล่องยังมีอยู่ แต่อาจจะใช้วิธีบริหารจัดการและดึงเงินฝากผ่านการใช้บริการ Payment ของลูกค้าแทน ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยน่าจะเห็นขยับขึ้นได้บ้างในแคมเปญพิเศษบางตัว”
นางธีรนุช ขุมทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ พัฒนาผลิตภัณฑ์ธุรกิจลูกค้ารายย่อย ธนาคารธนชาต กล่าวว่า การระดมเงินฝากยังคงมีต่อเนื่อง แต่อัตราเร่งในการระดมเงินฝากไม่ได้สูงมากนัก เนื่องจากตลาดกำลังรอดูทิศทางอัตราดอกเบี้ย ผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ออกมาส่วนใหญ่ยังเน้นระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี รวมถึงเงินฝากแคมเปญพิเศษที่มีอยู่แล้วของธนาคาร
หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,396 วันที่ 30 สิงหาคม - 1 กันยายน พ.ศ. 2561
