หัวเว่ย เปิดตัวโซลูชัน C-C4ISR นวัตกรรมเพื่อ “เมืองปลอดภัย” พร้อมเตรียมจัดงาน Huawei Global Safe City Summit 2018 ดึงภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมงาน
[caption id="attachment_310257" align="aligncenter" width="503"]
นายเกา ฮง-เอ็ง หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ด้านความปลอดภัยสาธารณะ กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด[/caption]
นายเกา ฮง-เอ็ง หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ด้านความปลอดภัยสาธารณะ กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด เผยว่า หัวเว่ยได้มีการเพิ่มในส่วนของธุรกิจด้านระบบ Safe City เข้ามาประมาณเมื่อปี 2559 ซึ่งเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี ที่ถือว่าเป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญของบริษัท ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งนวัตกรรมและโครงสร้างภายในองค์กร โดยเฉพาะโซลูชันเมืองปลอดภัย C-C4ISR ที่เข้ามาช่วยสร้างความปลอดภัยสาธารณะอย่างกว้างขวางในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก อาทิ เคนยา เยอรมนี มอริเชียส และเซอร์เบีย ส่วนในประเทศไทยนั้นอยู่ะหว่างการลงนามความร่วมมือกับพันธมิตร
ทั้งนี้เนื่องจากงานความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะ มีความเสี่ยงในรูปแบบที่แตกต่างกันแต่ละเมืองทั่วโลก ทั้งภัยจากไซเบอร์ อาชญากรรม หรือการก่อการร้าย รวมถึงของเทคโนโลยีและระบบในแต่ละหน่วยงานมีความแตกต่างกัน ซึ่งไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ หัวเว่ยจึงต้องการนำเทคโนโลยีเข้ามาจัดการกับปัญหาต่างๆ จากที่ก่อนหน้านี้การเชื่อมโยงผ่านระบบคลาวด์นั้น จะไม่เกิดขึ้นข้ามองค์กร มีเพียงแต่การแลกเปลี่ยนข้อมูลภายในองค์กรเท่านั้น ซึ่งไม่ครอบคลุมหากเกิดภัยพิบัติหรือเหตุด่วนเหตุร้าย
ขณะที่โซลูชัน “Safe City Compact” ของหัวเว่ยนั้น คือการวางระบบที่สามารถเชื่อมต่อระหว่างกัน รวมถึงสามารถตรวจสอบใบหน้า พฤติกรรมผิดปกติต่างๆ เพื่อสร้างระบบเมืองปลอดภัยในเมืองขนาดเล็กและขนาดกลาง ที่มีประชากรตั้งแต่ 1-5 แสนคน ด้วยโซลูชัน C-C4ISR ซึ่งประกอบด้วย Command&Control , Communication, Cloud Computing, Intelligence, Surveillance และ Reconnaissance โดยได้เปิดตัวไปเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา ด้วยคุณสมบัติหลัก ๆ ที่เสริมสร้างเมืองปลอดภัย อาทิ การสั่งการแบบรวมศูนย์และภาพมอง (Converged & Visualized Command), วิดีโอคลาวด์อัจฉริยะ (Intelligent Video Cloud) และการสื่อสารแบบมัลติมีเดียในสถานการณ์คับขัน (Multimedia Critical Communication) ซึ่งปัจจุบันได้ติดตั้งแล้วใน 230 เมือง กว่า 90 ประเทศทั่วโลก รวมถึงรองรับผู้ใช้บริการได้ราว 1 พันล้านคน
“ในประเทศมอริเชียส หัวเว่ยช่วยรัฐบาลมอริเชียสสร้างระบบออล-คลาวด์เซฟซิตี้ โครงการ One Cloud, One Pool ที่ช่วยให้ตำรวจท้องที่ลดเวลาตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินในเวลาไม่ถึง 15 นาที และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเหตุฉุกเฉินได้ราว 60%” นายเกา ฮง-เอ็ง กล่าว
อย่างไรก็ตามสำหรับการทำตลาดโซลูชันเมืองปลอดภัยในไทยนั้น ถือว่าเป็นความท้าทายอย่างมาก โดยอาจจะต้องมีการบูรณาการร่วมกันกับทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมกันนี้ หัวเว่ย ได้มีการจัดงาน Huawei Global Safe City Summit 2018 ขึ้นในวันที่ 30 - 31 สิงหาคม โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 500 คน ทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสาธารณะรวมถึงผู้ให้บริการโซลูชันและนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมจากทั่วโลก