‘แคท’ลุยเคเบิลไทย-ฮ่องกงค่า2พันล.
แคทเตรียมเดินหน้าโครงการร่วมลงทุนเคเบิลใต้นํ้าไทย-ฮ่องกง มูลค่า 2 พันล้านบาท หลังรัฐบาลไทยเซ็นเอ็มโอยูกับรัฐบาลจีน คาดแล้วเสร็จภายใน 3 ปีนับจากนี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ภายหลังจาก นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี เซ็นเอ็มโอยูกับนายหวัง หย่ง (H.E. Mr. Wang Yong) มนตรีแห่งรัฐ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-จีน ครั้งที่ 6 ซึ่งรัฐบาลจีนพร้อมด้วยภาคเอกชนกว่า 400-500 บริษัทได้เดินทางมาในครั้งนี้ โดยหนึ่งในประเด็นที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะหารือกัน คือ การดึงนักลงทุนจีนมาร่วมลงทุนในพื้นที่อีอีซี โดยเฉพาะในโครงการเขตพัฒนาดิจิทัล (EECD) และเขตพัฒนานวัตกรรม (EECi) ซึ่งในการประชุมครั้งนี้กระทรวงดีอี เตรียมที่จะมีการลงนามในสัญญาร่วมลงทุนระหว่างไทย-จีนในโครงการเคเบิลใต้นํ้าจากไทยไปยังฮ่องกง
อย่างไรก็ตามการเซ็นต์เอ็มโอยูของรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากในปี 2559 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณโครงการขยายอินเตอร์เน็ตเกตเวย์และเคเบิลใต้นํ้าเชื่อมต่อระหว่างประเทศในงบประมาณ 5 พันล้านบาท โดยโครงการสร้างเคเบิลใต้นํ้าระหว่างประเทศ (เส้นใหม่)ไทย- ฮ่องกง มูลค่า 2 พันล้านบาท
สำหรับผลที่ได้จากการร่วมมือทางการค้าในครั้งนี้ ทำให้ประเทศไทย มีทางออกเชื่อมโยงเกตเวย์ได้หลายช่อง ทางเนื่องจากที่ผ่านมาทราฟฟิกส่วนใหญ่ผ่านทางประเทศสิงคโปร์เป็นหลัก
ขณะที่พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ แคท เปิดเผยว่า หลังจากนี้ภายในระยะเวลา 1 เดือน แคท จะทำการศึกษาคอนซอร์เตียมเพื่อมาบริหารจัดการร่วมกัน อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของทั้ง2 ฝ่าย โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ต้องการร่วมพัฒนาเป็นเส้นทางสายใหม่ นอกจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจแล้วยังมีการพัฒนาเรื่องของการท่องเที่ยว และเคเบิลใต้นํ้า
“ที่ผ่านมาทราฟฟิก 80% ผ่านลงทางใต้ของประเทศทำให้เกิดความไม่สมดุล”
นอกจากนี้ แคท ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการโครงการขยายอินเตอร์เน็ตเกตเวย์และเคเบิลใต้นํ้าเชื่อมต่อระหว่างประเทศของกระทรวงดีอี ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่รัฐบาลกำลังเร่งผลักดันให้เกิดการพัฒนาตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยในส่วนการขยายเคเบิลใต้นํ้า กระทรวงดีอี ได้นำเสนอให้ แคทและกระทรวงฯ สามารถเบิกจ่ายแทนกันได้ ซึ่งกระทรวงดีอีนำเสนอ ครม.เห็นชอบเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2560 ซึ่ง แคท ได้เตรียมงานล่วงหน้าบางส่วนและเชื่อมั่นว่าจะสามารถดำเนินการได้ทันตามกำหนดเวลา
หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ปีที่ 38 ฉบับ 3,396 | วันที่ 30 ส.ค.61-1 ก.ย. 2561
แหล่งข่าวจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ภายหลังจาก นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี เซ็นเอ็มโอยูกับนายหวัง หย่ง (H.E. Mr. Wang Yong) มนตรีแห่งรัฐ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-จีน ครั้งที่ 6 ซึ่งรัฐบาลจีนพร้อมด้วยภาคเอกชนกว่า 400-500 บริษัทได้เดินทางมาในครั้งนี้ โดยหนึ่งในประเด็นที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะหารือกัน คือ การดึงนักลงทุนจีนมาร่วมลงทุนในพื้นที่อีอีซี โดยเฉพาะในโครงการเขตพัฒนาดิจิทัล (EECD) และเขตพัฒนานวัตกรรม (EECi) ซึ่งในการประชุมครั้งนี้กระทรวงดีอี เตรียมที่จะมีการลงนามในสัญญาร่วมลงทุนระหว่างไทย-จีนในโครงการเคเบิลใต้นํ้าจากไทยไปยังฮ่องกง
อย่างไรก็ตามการเซ็นต์เอ็มโอยูของรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากในปี 2559 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณโครงการขยายอินเตอร์เน็ตเกตเวย์และเคเบิลใต้นํ้าเชื่อมต่อระหว่างประเทศในงบประมาณ 5 พันล้านบาท โดยโครงการสร้างเคเบิลใต้นํ้าระหว่างประเทศ (เส้นใหม่)ไทย- ฮ่องกง มูลค่า 2 พันล้านบาท
สำหรับผลที่ได้จากการร่วมมือทางการค้าในครั้งนี้ ทำให้ประเทศไทย มีทางออกเชื่อมโยงเกตเวย์ได้หลายช่อง ทางเนื่องจากที่ผ่านมาทราฟฟิกส่วนใหญ่ผ่านทางประเทศสิงคโปร์เป็นหลัก
ขณะที่พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ แคท เปิดเผยว่า หลังจากนี้ภายในระยะเวลา 1 เดือน แคท จะทำการศึกษาคอนซอร์เตียมเพื่อมาบริหารจัดการร่วมกัน อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของทั้ง2 ฝ่าย โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ต้องการร่วมพัฒนาเป็นเส้นทางสายใหม่ นอกจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจแล้วยังมีการพัฒนาเรื่องของการท่องเที่ยว และเคเบิลใต้นํ้า
“ที่ผ่านมาทราฟฟิก 80% ผ่านลงทางใต้ของประเทศทำให้เกิดความไม่สมดุล”
นอกจากนี้ แคท ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการโครงการขยายอินเตอร์เน็ตเกตเวย์และเคเบิลใต้นํ้าเชื่อมต่อระหว่างประเทศของกระทรวงดีอี ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่รัฐบาลกำลังเร่งผลักดันให้เกิดการพัฒนาตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยในส่วนการขยายเคเบิลใต้นํ้า กระทรวงดีอี ได้นำเสนอให้ แคทและกระทรวงฯ สามารถเบิกจ่ายแทนกันได้ ซึ่งกระทรวงดีอีนำเสนอ ครม.เห็นชอบเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2560 ซึ่ง แคท ได้เตรียมงานล่วงหน้าบางส่วนและเชื่อมั่นว่าจะสามารถดำเนินการได้ทันตามกำหนดเวลา
หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ปีที่ 38 ฉบับ 3,396 | วันที่ 30 ส.ค.61-1 ก.ย. 2561
