กรมชลฯปลูกป่าฟื้นฟูต้นน้ำยม

27 ส.ค. 2561 | 13:31 น.
ปัจจุบันพื้นที่ป่าต้นน้ำในประเทศไทยเหลือเพียง 56 ล้านไร่กว่า เทียบกับพื้นที่ประเทศ เท่ากับมีพื้นที่ป่าเพียงกว่า 17% เท่านั้น วิกฤตการณ์พื้นที่ป่าหดหาย จึงต้องถูกแก้ไขโดยการเติมส่วนที่ขาดให้ได้มากที่สุด ในฐานะหน่วยงานรัฐที่ทำงานเกี่ยวกับทรัพยากรน้ำโดยตรง กรมชลประทานจึงมีนโยบายและโครงการมากมายเพื่อส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่ป่าต้นน้ำ อาทิ การร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมถึงกรมป่าไม้ จัดกิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสสำคัญต่างๆ ซึ่งส่วนมากกิจกรรมดังกล่าวจะช่วยเป็นการป้องกันการทำลายป่าและปลูกป่าเสริม แก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ

6 ทว่าการปลูกป่าที่ได้ผลดี ไม่ใช่แค่การนำพันธุ์ไม้ไปลงดิน แต่ต้องเข้าถึงคนรอบป่าด้วย อย่างที่ทราบกันดีว่า ชาวบ้านที่อาศัยในพื้นที่ป่าหรือละแวกใกล้เคียง มักจะใช้ประโยชน์จากป่าทั้งภาคเกษตรกรรมไปจนถึงการดำรงชีวิต การเข้าไปสร้างความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและชาวบ้านในพื้นที่ เสมือนการสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแรงโดยที่มีคนคอยดูแลอยู่เสมอ
3
ในวโรกาสเฉลิมพระชนมายุ 66 พรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร กรมชลประทานได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เดินหน้าจัดโครงการปลูกป่าประชารัฐ ฟื้นฟูต้นน้ำยม ปีที่ 3 เพื่อพลิกฟื้นผืนป่าบริเวณลำน้ำยม ซึ่งพบปัญหาสะสมมาตลอด ทั้งการเกิดอุทกภัย และขาดแคลนน้ำสำหรับการเกษตรและอุปโภคบริโภค แม้จะมีการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำแล้ว 87 โครงการ แต่กักเก็บน้ำได้เพียง 12.25 ล้าน ลบ.ม. มีน้ำเหลือไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่างมากถึง 904.9 ล้าน ลบ.ม. แต่กลับมีพื้นที่ได้ประโยชน์เพียง 94,000 กว่าไร่ 4

กรมชลประทานจึงได้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในอำเภอเชียงม่วน ความจุ 90.50 ล้าน ลบ.ม. ผลที่ได้คือมีน้ำส่งไปยังพื้นที่เกษตรกรรมอย่างทั่วถึงและเพียงพอ นอกจากนี้ ยังมีอ่างเก็บน้ำ ฝาย แก้มลิง อีกหลายแหล่งที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อกักเก็บน้ำและลดปัญหาน้ำท่วม พร้อมทั้งฟื้นฟูป่าต้นน้ำ รวมถึงการรณรงค์ให้ชาวบ้านรักและหวงแหนป่าต้นน้ำ มีจิตสำนึกร่วมกันที่จะอนุรักษ์ธรรมชาติ เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ทั้งป่าและน้ำให้กลับสู่สภาพเดิม
1