ไทรอัมพ์ เตรียมโชว์มอเตอร์ไซค์ต้นแบบ Moto2 TM ในงาน British Grand Prix

25 ส.ค. 2561 | 06:57 น.
ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เตรียมเฉลิมฉลองการนับถอยหลังเข้าสู่การแข่งขันรถจักรยานยนต์ชั้นนำของโลกรายการ Moto2TM  ประจำฤดูกาล 2019 ในการแข่งขันรายการ บริติช กรังปรีซ์ โมโตจีพี (British Grand Prix MotoGPTM) พร้อมจัด 3 กิจกรรมสุดพิเศษ

Pic_Triumph Moto2 showcase (2)

เริ่มต้นด้วยกิจกรรมพานักแข่งชื่อดังของ Moto 2TM เข้าเยี่ยมชมโรงงานไทรอัมพ์ เพื่อชมรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ต้นแบบล่าสุดสำหรับการแข่งขัน Moto2TM โดยมีนักบิดชื่อดัง จาก  Moto2TM จำนวน 7 คน จากการแข่งขันชิงชนะเลิศรอบปัจจุบัน ประกอบไปด้วย 1) ลูก้า มารินี (Luca Marini) จากทีม ITA-Sky Racing Team VR46  2) แซม โลว์ (Sam Lowes) จากทีม GBR-Swiss Innovative Investors 3) แดนนี่ เคนท์ (Danny Kent) จากทีม GBR- + Ego Speed Up 4) ไอแซค บีญาเลส (Isaac Viñales) จากทีม SPA-Forward Racing Team 5) โบ เบนด์สเนย์เดอร์ (Bo Bendsneyder)จากทีม NED-Tech 3 Racing Team และ 6) โจ โรเบิร์ตส (Joe Roberts) จากทีม USA-NTS RW Racing GP  ร่วมกับนักบิด Moto3 ชาวอังกฤษ 7) จอห์น แมคฟี (John McPhee) จากทีม CIP - Green Power

Pic_Triumph Moto2 showcase_เยี่ยมชมโรงงาน

ส่วนกิจกรรมที่สอง ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้จัดเตรียมรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ 2 รุ่นสุดพิเศษ เพื่อประมูลงาน “เดย์ ออฟ แชมเปียนส์” (Day of Champions) ให้แก่องค์กรการกุศล “ทู วีล ฟอร์ ไลฟ์” (Two Wheels for Life) ทั้งนี้เพื่อระดมทุนช่วยเหลือประชากรในหมู่บ้านที่ยากจะเข้าถึงในแถบแอฟริกา และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการประมูลของงาน “เดย์ ออฟ แชมเปียนส์” (Day of Champions)

สำหรับกิจกรรมสุดท้ายก่อนที่การแข่งขันรายการ Moto2TM จะเริ่มขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม ในงาน บริติช กรังปรีซ์ โมโตจีพี (British Grand Prix MotoGP) ณ สนามแข่งรถซิลเวอร์สโตน (Silverstone Circuit)จะนำโดยแชมป์ซูเปอร์ไบค์ระดับโลก และคอมเมนเตเตอร์ของ BT Sport MotoGPTM อย่าง เจมส์ โทสแลนด์(James Toseland) ที่จะมาขับขี่รถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ต้นแบบล่าสุดของไทรอัมพ์ที่มีรูปธงชาติสหราชอาณาจักร (Union Jack) สุดโดดเด่นเข้าร่วมขบวนพาเหรด แลป (Palade Lap) ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ต่อหน้าแฟน ๆ กว่าพันคน

โดยกิจกรรมนี้จะเน้นช่วงเวลาที่สำคัญของประวัติศาสตร์การแข่งขันของไทรอัมพ์ผ่านการใช้เครื่องยนต์ในการแข่งขัน Moto2TM ขนาด 765 ซีซี แบบ 3 สูบ ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในงานกรังปรีซ์นี้เป็นครั้งแรก และก่อนหน้าที่งานจะเริ่มขึ้น เครื่องยนต์ต้นแบบ Moto2TM  ของไทรอัมพ์ จะถูกนำมาจัดแสดงในบริเวณพื้นที่แท่นแสดงของ โก โปร (Go ProTM)) ที่ได้จัดเตรียมไว้ โดยที่แฟน ๆ สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยการชมสถานที่ฝึกซ้อม และพบปะกับทีมงานของไทรอัมพ์ได้อีกด้วย

Pic_Triumph Moto2 showcase (3)

ขณะที่ความคืบหน้าในการพัฒนาเครื่องยนต์ Moto2TM รุ่นใหม่ที่มีพละกำลังสูง โดยเป็นเครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 765 ซีซี ของไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ที่ได้รับการทดสอบร่วมกับกล่องควบคุมการทำงาน (ECU) ของแม็กเนติ มาเรลลี่ (Magneti Marelli) ที่สามารถปรับแต่งได้รวมถึงติดตั้งชิ้นส่วนโครงรถต้นแบบเป็นครั้งแรกสำหรับการแข่งขันในฤดูกาลแข่งขันปี 2019 นี้

โดยได้รับผลการทดสอบที่ดีมากในระหว่างการทดสอบ ซึ่งทีมผู้ผลิตโครงรถทั้ง 3 ทีม ได้แก่ Kales KTM และ NTS จะได้ใช้งาน เครื่องยนต์ Moto2 ขนาด 765 ซีซี เป็นครั้งแรกกับรถต้นแบบปี 2019 ในสนามการแข่งขัน ทั้งหมดนี้จึงทำให้เครื่องยนต์ขนาด 765 ซีซี กลายเป็นเครื่องยนต์ที่มีกำลังสูงที่ถูกทดสอบภายใต้สภาวะการแข่งขันที่กำลังเข้าใกล้มาทุกที

สำหรับไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้ลงนามในสัญญากับ ดอร์น่า (Dorna) ผู้ถือลิขสิทธิ์จัดแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก MotoGPTM เป็นระยะเวลา 3 ปี ในการเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์ไทรอัมพ์ขนาด 765 ซีซี ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แบบเดียวกันที่ติดตั้งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ สตรีท ทริปเปิล อาร์เอส (Street Triple RS) รุ่นล่าสุด

Pic_Triumph Moto2 showcase_เครื่องยนต์

เครื่องยนต์ดังกล่าวได้รับการพัฒนาที่สำคัญในหลายจุดจากเครื่องยนต์ เดย์โทน่า 675 อาร์ (Daytona 675R) ที่ชนะการแข่งขันในรายการซูเปอร์สปอร์ต ไอส์ล ออฟ แมน ทีที (Isle of Man Tourist Trophy) รายการเดย์โทน่า 200 (Daytona 200) และรายการบริติช ซูเปอร์สปอร์ตแชมเปียนส์ชิพ (British Supersports Championships) ในปี 2014 และปี 2015

ขุมพลังเครื่องยนต์ 765 ซีซี ที่ติดตั้งอยู่ในรถมอเตอร์ไซค์ ไทรอัมพ์ สตรีท ทริปเปิล อาร์เอส ที่มีสมรรถนะสูงอยู่แล้ว ได้รับการพัฒนาและปรับเปลี่ยนใหม่ให้เหมาะสมสำหรับการแข่งขันศึก Moto2TM ด้วยการปรับแต่งดังต่อไปนี้

·          ปรับแต่งช่องไอดีและช่องไอเสียบนกระบอกฝาสูบใหม่ เพื่อให้การไหลเวียนของทั้งอากาศและเชื้อเพลิงในท่อไอดีและท่อไอเสียดียิ่งขึ้น

·          วาล์วไทเทเนียมและสปริงวาล์วที่มีความแข็งแรงกว่าเดิมเพื่อเพิ่มความเร็วรอบเครื่องยนต์

·          ระบบ Alternator ที่มี Output ต่ำเพื่อลดความเฉื่อย

·          อัตราทดเกียร์ 1 ที่สูงขึ้น

·          สลิปเปอร์คลัทช์แบบปรับได้ที่พัฒนาขึ้นสำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะ

·          กล่องอีซียูสำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะ ซึ่งพัฒนาร่วมกับ “แม็กเนติ มาเรลลี่”

·          ปรับแต่งฝาครอบเครื่องยนต์ใหม่เพื่อลดขนาดความกว้างของตัวเครื่อง

·          ปรับแต่งอ่างน้ำมันเครื่องใหม่ให้สอดรับกับท่อไอเสียประสิทธิภาพสูงได้ดีขึ้น

โดยไทรอัมพ์สตรีท ทริปเปิล อาร์เอส ให้แรงม้าสูงสุดที่ 123 PS ที่ 11,700 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุดที่ 77 นิวตันเมตร ที่ 10,800 รอบต่อนาที  ในส่วนของเครื่องยนต์มาพร้อมชิ้นส่วนประกอบใหม่ที่เพิ่มขึ้นกว่า 80รายการ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน รวมถึงการเพิ่มชิ้นส่วนกระบอกสูบและระยะชัก โดยชิ้นส่วนใหม่ทั้งหมดประกอบไปด้วย ข้อเหวี่ยงใหม่ ลูกสูบใหม่ ก้านสูบและเพลาถ่วงสมดุล เสื้อสูบอลูมิเนียมชุบ Nikasil รวมถึงการปรับแต่งชุดเกียร์ใหม่

นอกจากนี้ยังพัฒนาเพิ่มเติมในเรื่องคุณสมบัติด้านการแข่งขัน เพื่อให้เครื่องยนต์ ไทรอัมพ์Moto2TM 765 ซีซี มีจังหวะการทำงานอย่างเป็นอิสระมากขึ้น และมีรอบเครื่องยนต์ที่สูงกว่ารถมอเตอร์ไซค์ที่วางจำหน่ายในท้องตลาด ซึ่งเหมาะสำหรับใช้ในการแข่งขัน

Pic_Triumph Moto2 showcase (7)

นาย สตีฟ ซาร์เจนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ กล่าวว่า ไทรอัมพ์รู้สึกยินดีกับความก้าวหน้า และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งต่อความนิยมชมชอบในตัวผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ด้วยความพยายามจากทีมผลิตโครงสร้างรถ รวมถึงผู้ขับขี่ ตลอดจนทีมผู้ผลิตกล่องอีซียูอย่างแม็กเนติ มาเรลลี่(Magneti Marelli) รวมทั้งทีมเอ็กซ์เทิร์นโปร (ExternPro) และ ดอร์น่า (Dorna) ในการร่วมกันสร้างสรรค์และพัฒนารถมอเตอร์ไซค์ Moto2 รุ่นใหม่ออกมา

“กล่องอีซียู (ECU) ดังกล่าวช่วยให้ทีมงานมีตัวเลือกมากขึ้นในการเปลี่ยนแปลงระบบจุดระเบิด การเติมน้ำมันเชื้อเพลิง ระบบเบรกของเครื่องยนต์ รวมถึงการตั้งค่าลิ้นปีกผีเสื้ออิเล็กทรอนิกส์ ควิกชิพเตอร์ ตลอดจนการจำกัดความเร็วในพิทเลน ซึ่งในปีหน้านี้เราจะเข้าใกล้ระดับเทคโนโลยีของ MotoGPTM มากกว่าที่ Moto2TM เคยมีมา แสดงให้เห็นว่าคลาสของรถมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นด้วยการแข่งขันอันน่าตื่นเต้น อีกทั้งยังเป็นการแข่งขันระหว่างทีมวิศวกรในการพัฒนารถให้มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดอีกด้วย”