PwCเผยบริษัทไทยเกือบครึ่งตกเป็นเหยื่อทุจริตและอาชญากรรมทางศก.

23 ส.ค. 2561 | 11:51 น.
PwC ประเทศไทย เผยผลสำรวจพบ 48% ของบริษัทไทย ได้รับผลกระทบจากการทุจริตและอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ระบุแม้เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากการสำรวจเมื่อสองปีก่อน แต่ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่า บริษัทไทยเริ่มตระหนักและตรวจพบการทุจริตได้เพิ่มขึ้น ช่วยให้เห็นจุดบอดและหาทางป้องกันการทุจริตได้ตรงจุด ขณะที่การยักยอกสินทรัพย์ การประพฤติผิดทางธุรกิจ และอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ยังเป็น 3 ประเภทการทุจริตที่ตรวจพบมากที่สุดในไทย

นายวรพงษ์ สุธานนท์ หุ้นส่วนสายงาน Forensic services บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและการทุจริต Shining a light on fraud: Economic Crime Survey in Thailand ประจำปี 2561 ซึ่งบริษัทเป็นผู้จัดทำรายงานดังกล่าวขึ้นทุกๆ 2 ปี โดยในปีนี้มีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 522 ราย ทั้งบริษัทจดทะเบียน บริษัทเอกชน และหน่วยงานภาครัฐในประเทศ พบว่า เกือบครึ่งหนึ่ง หรือ 48% ของบริษัทในประเทศไทย ตกเป็นเหยื่อการทุจริตและอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ สูงกว่าผลการสำรวจเมื่อปี 2559 ที่มีเพียงประมาณ 1 ใน 4 ของบริษัทในประเทศไทยเท่านั้นที่ยอมรับว่า มีการทุจริตเกิดขึ้นในองค์กร ซึ่งแม้จะเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ถือว่า เป็นสัญญาณบวกของประเทศมากกว่าที่จะมองว่าเป็นสัญญาณเตือนภัย
pwc “ตัวเลขที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปีนี้ แม้ว่าจะน่าวิตก แต่เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนประกอบกับประสบการณ์ทำงานของ PwC แล้ว สะท้อนให้เห็นว่า องค์กรในประเทศไทยเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงด้านการทุจริตและสามารถตรวจพบเหตุทุจริตได้เพิ่มขึ้น มากกว่าที่จะสื่อว่า จำนวนของเหตุทุจริตและอาชญากรรมทางเศรษฐกิจมีสูงขึ้น ซึ่งนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี”

ทั้งนี้ ผลการสำรวจในประเทศไทยครั้งนี้ ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การทุจริตที่ตรวจพบได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้บริษัทเห็นถึงจุดบอดที่มีการทุจริตซ่อนอยู่ และรู้ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อป้องกันการทุจริตในองค์กร

นายวรพงษ์กล่าวต่อว่า การทุจริตและอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศและทุกภาคอุตสาหกรรม ทั้งยังเกิดขึ้นได้ในหลากหลายรูปแบบ ด้วยวิธีการที่ซับซ้อน จึงทำให้ตรวจจับได้ยาก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าองค์กรจะต้องต่อสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็น แต่หากตระหนักว่า อาชญากรรมทางเศรษฐกิจมีผลกระทบต่อบริษัท และรับได้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น ก็ถือเป็นก้าวแรกที่จะชนะสงครามได้แล้ว แม้ว่าจะยังหาตัวผู้กระทำผิดไม่พบก็ตาม ดังนั้น คำถามสำคัญที่ทุกองค์กรควรกระตุ้นเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาคือ คุณทราบหรือไม่ว่า การทุจริตมีผลกระทบต่อบริษัทของคุณอย่างไร และ คุณกำลังหลับหูหลับตาสู้ หรือสู้แบบลืมตาอยู่ มิใช่เพียงแค่ตั้งคำถามว่า มีการทุจริตเกิดขึ้นในบริษัทหรือไม่เท่านั้น
pwc1 ทั้งนี้ ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า การยักยอกสินทรัพย์(Asset misappropriation) ยังคงเป็นประเภทของการทุจริตที่พบได้มากที่สุดในประเทศไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยคิดเป็น 62% สูงกว่าอัตราเฉลี่ยทั่วโลกที่ 45% เช่นเดียวกับตัวเลข การประพฤติผิดทางธุรกิจของไทย (Business misconduct) คิดเป็น 40% สูงกว่าอัตราเฉลี่ยทั่วโลกที่ 28% นี่สะท้อนให้เห็นว่า นโยบายป้องกันการทุจริตในองค์กรยังมีช่องโหว่ ซึ่งกลายเป็นช่องทางที่เปิดโอกาสให้มีการแสวงหาประโยชน์จากพื้นที่สีเทา หรือ ความไม่ชัดเจนของนโยบายดังกล่าว

อย่างไรก็ดี แม้ว่าอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ (Cybercrime) จะเป็นภัยคุกคามที่น่ากังวล แต่มีเพียง 1 ใน 5 หรือ 21% ของผู้ตอบแบบสอบถามเท่านั้นที่ทราบว่า บริษัทของตนตกเป็นเหยื่อของภัยไซเบอร์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดย 11% จัดให้ภัยไซเบอร์เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่มีผลกระทบร้ายแรงที่สุดต่อองค์กรในเวลานี้ และเกือบ 1 ใน 3 หรือ 32% คาดว่า ในอีกสองปีข้างหน้า อาชญากรรมทางไซเบอร์จะกลายเป็นอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบร้ายแรงที่สุด
090861-1927-9-335x503 ทั้งนี้ 71% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า บริษัทของพวกเขามีความพยายามในระดับปานกลางถึงระดับมาก ในการปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจเพื่อป้องกันการทุจริต หรืออาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดจากคนภายในองค์กร ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 83% อย่างไรก็ตาม มีเพียง 23% เท่านั้นที่บอกว่า บริษัทให้ความสำคัญมากในการยกระดับมาตรฐานจริยธรรมของพนักงาน ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกเช่นกันที่ 34% และแม้ว่า 70% ของการทุจริตร้ายแรงที่สร้างความเสียหายทางการเงินให้กับองค์กรจะมีสาเหตุมาจากพนักงานก็ตาม

“เมื่อบริษัทต่างๆ เข้าใจว่า การทุจริตรวมถึงอาชญากรรมทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็จำเป็นจะต้องจัดให้มีการควบคุมและป้องกันภัยคุกคามเหล่านี้ โดยการพัฒนาบุคลากร การปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ และการลงทุนในเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมต่างๆ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดการทุจริตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”นายวรพงษ์กล่าวและว่า แม้ว่าหลายๆ บริษัทจะมีการดำเนินการดังกล่าวแล้วก็ตาม เรายังหวังว่า จะมีจำนวนบริษัทที่มีมาตรการป้องกันอาชญากรรมทางเศรษฐกิจเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว