‘ไฮไลฟ์’ดิ้นสู้ บุกขายตรงต่างประเทศ

18 ส.ค. 2561 | 09:55 น.
“ไฮไลฟ์ เน็ทเวิร์ค” เดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ หลังเศรษฐกิจไทยซบ ทำยอดขายลดลง 30% ล่าสุดส่งสกินแคร์น้องใหม่ตีตลาดเอเชียและยุโรป

นางศศิลักษณ์ เหตระกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮไลฟ์ เน็ทเวิร์ค จำกัด ผู้บริหารธุรกิจขายตรง “ไฮไลฟ์ เน็ทเวิร์ค” เปิดเผยว่า นโยบายการทำการตลาดของไฮไลฟ์ฯ เน้นเครือข่ายผ่านช่องทางออนไลน์ 95% ข้อดีคือสามารถขายได้ทั่วโลก แต่ปัญหา คือด้าน Logistic ที่ราคาสูง รวมทั้งปัญหาการแบ่งผลประกอบการ เนื่องจากตามกฎของบริษัท ผู้รับผลประกอบการจะต้องมีบัญชีในประเทศ ซึ่งตามกฎหมายแล้วจะต้องเป็นคนที่ทำงานอยู่ ในประเทศไทยเท่านั้น จึงเป็นปัญหาที่ไม่สามารถรับสมาชิกต่างประเทศได้

 

HYlife network

 

“ไฮไลฟ์เริ่มทำออนไลน์ตั้งแต่ 8 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นการทำตลาดออนไลน์ยังไม่แพร่หลายเท่าทุกวันนี้ จึงมีโนว์ฮาวด้านออนไลน์ที่แข็งแรงแต่ออนไลน์เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทั้งยังทำให้ผู้บริโภค เบื่อหน่ายเร็วด้วยบริษัทจึงต้องพัฒนาสินค้าและปรับเปลี่ยนแผนการตลาดอยู่ตลอดเวลา ไฮไลฟ์จึงลงทุนกับการ training online มากขึ้นเพื่อช่วยให้นักธุรกิจทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น”

ด้านแผนการตลาดบริษัทมองว่า ผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือนยังเติบโตได้ต่อเนื่องแต่ปีนี้บริษัทเลือกบุกตลาดสกินแคร์ ด้วยการเปิดตัว HyBeauty Abalone Cream Deluxe และมีแผนกระจายสินค้าไปทำตลาดในเอเชียและยุโรปด้วย เนื่องจากปัจจุบันในหลายประเทศสนใจผลิตภัณฑ์ของไฮไลฟ์ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านธุรกิจเครือข่าย จึงปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นการส่งออกสินค้าแล้วมองหาพาร์ตเนอร์ หรือทำการร่วมทุนแทน อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายใน1ปีข้างหน้าตลาดต่างประเทศจะมีขนาดเทียบเท่าหรือใหญ่กว่าในประเทศไทย โดยปัจจุบันบริษัทมีสมาชิกเป็นชาวต่างชาติ 5-10% ทั้งในกัมพูชา ลาว เมียนมา ฯลฯ ขณะที่สมาชิกโดยรวมมีการเติบโตเฉลี่ย 52% ต่อปี หรือเพิ่มขึ้นปีละ2.5หมื่นคนจากปัจจุบันที่มีสมาชิกกว่า2 แสนคน

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทมีแผนพัฒนาและส่งออกสินค้าอาหารเสริมไปทำตลาดในต่างประเทศ รวมทั้งนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดจากปัจจุบันที่มีการศึกษาและวิจัยสินค้าในหมวดต่างๆ อาทิ สกินแคร์ อาหารเสริมฯลฯรวมกว่า 10 รายการ จากปัจจุบันที่มีสินค้า4กลุ่มได้แก่กลุ่มผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน 60% อาหารเสริม 20% สกินแคร์ 20% และผลิตภัณฑ์การเกษตร ซึ่งเน้นจำหน่ายให้กับคู่ค้ารายใหญ่

ทั้งนี้คาดว่าในปีนี้บริษัทจะมีรายได้รวม 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ในประเทศ 600-700 ล้านบาท และต่างประเทศ 300 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงจากการรุกทำตลาดต่างประเทศเป็นปีแรก หลังจากที่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ตกตํ่า ทำให้รายได้ของบริษัทลดลง 30%

หน้า 34 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,394 วันที่ 19-22 ส.ค. 2561
e-book-1-503x62