BMW"X2" ตระกูล‘เอ็กซ์’รวมพลังประจัญบาน
ถือเป็นปีแห่งรถยนต์ตระกูล “เอ็กซ์” ของบีเอ็มดับเบิลยูอย่างแท้จริงครับ ด้วยการปูพรมโปรดักต์ใหม่ทั้งแบบนำเข้าและประกอบในประเทศ ไล่เลียงตั้งแต่ “เอ็กซ์2” (CBU) “เอ็กซ์3” (CKD) และเร็วๆนี้จะมี “เอ็กซ์4” (CBU) ส่วนปลายปียังเสริมทัพด้วย “เอ็กซ์5” (CBU) ที่เพิ่งเผยโฉมต่อสายตาชาวโลกไปหมาดๆ นี่ยังไม่นับรวม “เอ็กซ์1” ที่ทำรุ่นประกอบในประเทศเมื่อ2ปีที่แล้ว และขายกระจายจนถึงทุกวันนี้
สำหรับรถในกลุ่มเอสยูวี บีเอ็มดับเบิลยูมีศัพท์เฉพาะของตนเอง โดยตระกูลเลขคี่ เอ็กซ์ 1,3,5 เรียกว่า “เอสเอวี” (SAV-Sports Activity Vehicle) ส่วนกลุ่มเลขคู่ เอ็กซ์2,4,6 ใช้คำว่า “เอสเอซี” (SAC-Sports Activity Coupe) ที่เน้นความสปอร์ตมากขึ้นทั้งสมรรถนะและการออกแบบ เช่นลายเส้น มัดกล้าม และเสาซี(C-Pillars)ที่ลาดเอียงเป็นพิเศษ
โดย “เอ็กซ์2” เป็นโมเดลสายพันธุ์ใหม่มาพร้อมราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า “เอ็กซ์4” และ “เอ็กซ์6” ส่วนการทำตลาดจะชนคู่แข่งอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอ, อาวดี้ คิว2 รวมถึงรถในเครือเดียวกัน มินิ คันทรีแมน (แต่ที่ผมเคยคุยกับวิศวกรชาวเยอรมันของบีเอ็มดับเบิลยู เขามองคู่แข่งไปที่“เรนจ์โรเวอร์ อีโว้ค” ด้วย)
ในส่วนการพัฒนามีขึ้นบนแพลตฟอร์ม UKL2 สำหรับรถเครื่องยนต์วางขวางขับเคลื่อนล้อหน้า(เป็นหลัก) เช่นเดียวกับ เอ็กซ์1, ซีรีส์2 แอกทีฟ-แกรนด์ทัวเรอร์ และมินิ คันทรีแมน
การลองขับของผมครั้งแรกเป็นรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร X2 xDrive20d เกิดขึ้นที่ประเทศโปรตุเกสเมื่อต้นปีที่ผ่านมา พร้อมให้นิยามในตอนนั้นว่า “สนุก ซุกซน จับคนรุ่นใหม่” ล่าสุดผมได้ลองขับบนถนนเมืองไทยกับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร
บีเอ็มดับเบิลยูนำเข้า X2 sDrive20i M Sport X มาเปิดตัวในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2018 ด้วยราคาขาย 2.999 ล้านบาท (ถ้าทำรุ่นประกอบในประเทศ ราคาอาจจะลงมาอยู่แถวๆ 2.5-2.6 ล้านบาทได้) ซึ่งดูเป็นการเติมเต็มโปรดักต์ที่ดีครับ
เพราะใครเน้นเอสยูวีแบบครอบครัวที่ราคาเข้าถึงง่าย ก็ไปติ๋มๆกับ X1 sDrive 18i เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบราคา 2.259 ล้านบาท แต่ถ้าอยากขับดุดันขึ้นมาหน่อยก็ X1 sDrive20d 2.599 ล้านบาทเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรเทอร์โบ 190 แรงม้า
ส่วนคนที่ชื่นชอบความสปอร์ตฉีกแนวกว่า มีทางเลือกคือ X2 sDrive20i M Sport X วางเครื่องยนต์เบนซิน 4สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ 192 แรงม้า ประกบเกียร์ดูอัลคลัตช์ 7 สปีด
สำหรับ “เอ็กซ์2” ผมเห็นตัวจริงครั้งแรก ยอมรับว่ามันไม่ออกแนวเอสยูวีเลยสักนิด ด้วยการออกแบบ และความเตี้ยของตัวถัง จะคล้ายๆกับรถแฮตช์แบ็กด้วยซํ้า แต่นี่ละครับด้วยพื้นฐานโครงสร้างแบบนี้บวกกับการเซตบุคลิกรถให้มีความชัดเจนแตกต่างจากเอสยูวีครอบครัว น่าจะตรงกับกลุ่มลูกค้ามุ่งหวังของค่ายนี้ได้เป็นอย่างดี
ด้านการตอบสนองของขุมพลังและเกียร์ผมรู้สึกว่ากระฉับกระเฉงกว่า X1 เครื่องยนต์ เบนซิน และเบียดชนะนิดๆกับรุ่นดีเซล sDrive 20d
โดยพละกำลังส่งเสริมลงตัวกับขนาดตัวถัง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ 7.7 วินาที ขณะที่เกียร์ดูอัลคลัตช์ชุดใหม่ฉลาดฉับไว และรักษารอบเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับความเร็วได้ดี ส่วนความเร็วปลายเหมือนเรี่ยวแรงยังเหลือๆ (การทดสอบขับคนเดียวไม่มีผู้โดยสารและสัมภาระ)
น้องเล็ก“เอ็กซ์2”ยังเซตช่วงล่าง และการควบคุมให้ออกแนวสปอร์ตกว่าเอสยูวีที่พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกันอย่างชัดเจน สอดคล้องกับล้ออัลลอย19 นิ้ว ประกบยาง225/45 R19 (X1 sDrive20d ใช้ล้ออัลลอย 18 นิ้ว)
ขณะที่แนวคิดการออกแบบของ “เอ็กซ์2” ยังมีลูกเล่นใหม่หลายอย่างเช่น ชุดแต่งเวอร์ชัน M Sport X ที่โดดเด่นด้วยสีสันกันชน การใช้กระจังหน้าไตคู่ที่รูปทรงส่วนฐานด้านล่างกว้างกว่าด้านบน (เหมือนเอากระจังไตคู่ของบีเอ็มดับเบิลยู รุ่นเดิมๆมากลับหัว) ปลายท่อไอเสียคู่ขนาดใหญ่ ทั้งยัง แปะโลโกใบพัดสีฟ้าที่เสาซี (C-pillar) เหมือนรถรุ่นเก๋า 2000 CS และ 3.0 CSL
ขณะเดียวกันยังเอา Emblem ชื่อรุ่นย่อย(เช่น sDrive20i) ย้ายมาติดที่ประตูหลัง(บานที่5) ต่างจากพี่ๆตระกูลX ที่ติดชื่อรุ่นย่อยตรงซุ้มล้อซ้าย-ขวา ซึ่งแนวทางนี้จะใช้กับเอสยูวีของบีเอ็ม ดับเบิลยูรุ่นต่อๆไปอีกด้วย
รวบรัดตัดความ...สมรรถนะอาจจะไม่ถึงกับเนี้ยบเนียนเมื่อเทียบกับรุ่นพี่ๆที่ขับเคลื่อนล้อหลัง แต่ “เอ็กซ์2” ก็ชัดเจนในแนวทางความสปอร์ตทั้งช่วงล่างและการควบคุมที่เฉียบคมกว่า “เอ็กซ์1” และรถพื้นฐานเดียวกันอย่าง “ซีรีส์2 แอกทีฟ-แกรนด์ทัวเรอร์”...ใครขับ“เอ็กซ์2”คงดูเด็กลงไปหลายปี หรือเหมือนยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยครับ
โดย : กรกิต กสิคุณ
หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,393 วันที่ 19 - 22 สิงหาคม พ.ศ. 2561
สำหรับรถในกลุ่มเอสยูวี บีเอ็มดับเบิลยูมีศัพท์เฉพาะของตนเอง โดยตระกูลเลขคี่ เอ็กซ์ 1,3,5 เรียกว่า “เอสเอวี” (SAV-Sports Activity Vehicle) ส่วนกลุ่มเลขคู่ เอ็กซ์2,4,6 ใช้คำว่า “เอสเอซี” (SAC-Sports Activity Coupe) ที่เน้นความสปอร์ตมากขึ้นทั้งสมรรถนะและการออกแบบ เช่นลายเส้น มัดกล้าม และเสาซี(C-Pillars)ที่ลาดเอียงเป็นพิเศษ
โดย “เอ็กซ์2” เป็นโมเดลสายพันธุ์ใหม่มาพร้อมราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า “เอ็กซ์4” และ “เอ็กซ์6” ส่วนการทำตลาดจะชนคู่แข่งอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอ, อาวดี้ คิว2 รวมถึงรถในเครือเดียวกัน มินิ คันทรีแมน (แต่ที่ผมเคยคุยกับวิศวกรชาวเยอรมันของบีเอ็มดับเบิลยู เขามองคู่แข่งไปที่“เรนจ์โรเวอร์ อีโว้ค” ด้วย)
ในส่วนการพัฒนามีขึ้นบนแพลตฟอร์ม UKL2 สำหรับรถเครื่องยนต์วางขวางขับเคลื่อนล้อหน้า(เป็นหลัก) เช่นเดียวกับ เอ็กซ์1, ซีรีส์2 แอกทีฟ-แกรนด์ทัวเรอร์ และมินิ คันทรีแมน
การลองขับของผมครั้งแรกเป็นรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร X2 xDrive20d เกิดขึ้นที่ประเทศโปรตุเกสเมื่อต้นปีที่ผ่านมา พร้อมให้นิยามในตอนนั้นว่า “สนุก ซุกซน จับคนรุ่นใหม่” ล่าสุดผมได้ลองขับบนถนนเมืองไทยกับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร
บีเอ็มดับเบิลยูนำเข้า X2 sDrive20i M Sport X มาเปิดตัวในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2018 ด้วยราคาขาย 2.999 ล้านบาท (ถ้าทำรุ่นประกอบในประเทศ ราคาอาจจะลงมาอยู่แถวๆ 2.5-2.6 ล้านบาทได้) ซึ่งดูเป็นการเติมเต็มโปรดักต์ที่ดีครับ
เพราะใครเน้นเอสยูวีแบบครอบครัวที่ราคาเข้าถึงง่าย ก็ไปติ๋มๆกับ X1 sDrive 18i เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบราคา 2.259 ล้านบาท แต่ถ้าอยากขับดุดันขึ้นมาหน่อยก็ X1 sDrive20d 2.599 ล้านบาทเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรเทอร์โบ 190 แรงม้า
ส่วนคนที่ชื่นชอบความสปอร์ตฉีกแนวกว่า มีทางเลือกคือ X2 sDrive20i M Sport X วางเครื่องยนต์เบนซิน 4สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ 192 แรงม้า ประกบเกียร์ดูอัลคลัตช์ 7 สปีด
สำหรับ “เอ็กซ์2” ผมเห็นตัวจริงครั้งแรก ยอมรับว่ามันไม่ออกแนวเอสยูวีเลยสักนิด ด้วยการออกแบบ และความเตี้ยของตัวถัง จะคล้ายๆกับรถแฮตช์แบ็กด้วยซํ้า แต่นี่ละครับด้วยพื้นฐานโครงสร้างแบบนี้บวกกับการเซตบุคลิกรถให้มีความชัดเจนแตกต่างจากเอสยูวีครอบครัว น่าจะตรงกับกลุ่มลูกค้ามุ่งหวังของค่ายนี้ได้เป็นอย่างดี
ด้านการตอบสนองของขุมพลังและเกียร์ผมรู้สึกว่ากระฉับกระเฉงกว่า X1 เครื่องยนต์ เบนซิน และเบียดชนะนิดๆกับรุ่นดีเซล sDrive 20d
โดยพละกำลังส่งเสริมลงตัวกับขนาดตัวถัง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ 7.7 วินาที ขณะที่เกียร์ดูอัลคลัตช์ชุดใหม่ฉลาดฉับไว และรักษารอบเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับความเร็วได้ดี ส่วนความเร็วปลายเหมือนเรี่ยวแรงยังเหลือๆ (การทดสอบขับคนเดียวไม่มีผู้โดยสารและสัมภาระ)
น้องเล็ก“เอ็กซ์2”ยังเซตช่วงล่าง และการควบคุมให้ออกแนวสปอร์ตกว่าเอสยูวีที่พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกันอย่างชัดเจน สอดคล้องกับล้ออัลลอย19 นิ้ว ประกบยาง225/45 R19 (X1 sDrive20d ใช้ล้ออัลลอย 18 นิ้ว)
ขณะที่แนวคิดการออกแบบของ “เอ็กซ์2” ยังมีลูกเล่นใหม่หลายอย่างเช่น ชุดแต่งเวอร์ชัน M Sport X ที่โดดเด่นด้วยสีสันกันชน การใช้กระจังหน้าไตคู่ที่รูปทรงส่วนฐานด้านล่างกว้างกว่าด้านบน (เหมือนเอากระจังไตคู่ของบีเอ็มดับเบิลยู รุ่นเดิมๆมากลับหัว) ปลายท่อไอเสียคู่ขนาดใหญ่ ทั้งยัง แปะโลโกใบพัดสีฟ้าที่เสาซี (C-pillar) เหมือนรถรุ่นเก๋า 2000 CS และ 3.0 CSL
ขณะเดียวกันยังเอา Emblem ชื่อรุ่นย่อย(เช่น sDrive20i) ย้ายมาติดที่ประตูหลัง(บานที่5) ต่างจากพี่ๆตระกูลX ที่ติดชื่อรุ่นย่อยตรงซุ้มล้อซ้าย-ขวา ซึ่งแนวทางนี้จะใช้กับเอสยูวีของบีเอ็ม ดับเบิลยูรุ่นต่อๆไปอีกด้วย
รวบรัดตัดความ...สมรรถนะอาจจะไม่ถึงกับเนี้ยบเนียนเมื่อเทียบกับรุ่นพี่ๆที่ขับเคลื่อนล้อหลัง แต่ “เอ็กซ์2” ก็ชัดเจนในแนวทางความสปอร์ตทั้งช่วงล่างและการควบคุมที่เฉียบคมกว่า “เอ็กซ์1” และรถพื้นฐานเดียวกันอย่าง “ซีรีส์2 แอกทีฟ-แกรนด์ทัวเรอร์”...ใครขับ“เอ็กซ์2”คงดูเด็กลงไปหลายปี หรือเหมือนยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยครับ
โดย : กรกิต กสิคุณ
หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,393 วันที่ 19 - 22 สิงหาคม พ.ศ. 2561
