'บ้านปู' โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2561 เติบโตต่อเนื่อง

16 ส.ค. 2561 | 08:25 น.
'บ้านปูฯ' แถลงผลประกอบการครึ่งปีแรก 2561 เติบโตต่อเนื่อง พร้อมเปิดตัวพันธสัญญาของแบรนด์ใหม่ Our Way in Energy : พลังบ้านปูฯ สู่พลังงานที่ยั่งยืน

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานแบบครบวงจรแห่งเอเชีย-แปซิฟิก รายงานผลภาพรวมการดำเนินงานในครึ่งปีแรก 2561 ของบริษัทฯ เติบโตตามเป้าหมาย มีรายได้จากการขายรวม 1,513 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 48,005 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 247 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 7,837 ล้านบาท) หรือ ร้อยละ 19.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อม และค่าใช้จ่าย ตัดจ่าย (EBITDA) รวม 517 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 16,403 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการถ่านหินที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ผนวกกับอุปทานที่มีอยู่อย่างจำกัดในไตรมาสที่ 2 ส่งผลให้ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและมีกำไรสุทธิรวม 84 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2,665 ล้านบาท) พร้อมเดินหน้าองค์กรเพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานของโลก ด้วยพันธสัญญาของแบรนด์ใหม่ "Our Way in Energy : พลังบ้านปูฯ สู่พลังงานที่ยั่งยืน"

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "ผลประกอบการครึ่งปีแรกมีรายได้ที่โดดเด่น เนื่องจากราคาถ่านหินในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น และคาดว่าความต้องการถ่านหินจะยังคงมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 โดยเฉพาะประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัท PT Indo Tambangraya Megah Tbk. (ITM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบ้านปูฯ ได้ซื้อเหมืองแห่งใหม่ที่เกาะกาลิมันตันตอนกลาง ในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เพื่อตอบรับกับความต้องการถ่านหินที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าน่าจะเพิ่มปริมาณสำรองถ่านหินให้กับบริษัทฯ ได้ราว 77 ล้านตัน

นอกจากนี้ บ้านปู เพาเวอร์ฯ อีกหนึ่งบริษัทย่อยของบ้านปูฯ เดินหน้าขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนด้วยการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ที่ จ.ซอกจัง (Soc Trang) คาดว่าโครงการระยะที่ 1 จะแล้วเสร็จ และเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2563 นับเป็นการเดินหน้าตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง"


BANPU CEO

สำหรับผลการดำเนินงานของบ้านปูฯ ในไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2561 มีรายได้จากการขายรวม 813 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 26,964 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 180 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 5,711 ล้านบาท) หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจุยหนุนจากปริมาณการขายถ่านหินและราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

กำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อม และค่าใช้จ่าย ตัดจ่าย (EBITDA) ในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 290 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 9,618 ล้านบาท) ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 27.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิในไตรมาสนี้เท่ากับ 124 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 4,112 ล้านบาท) สูงขึ้นเกือบเท่าตัวจากกำไรสุทธิ 66 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า


ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2561 สามารถจำแนกตามประเภทธุรกิจได้ ดังนี้

ธุรกิจถ่านหิน ในไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2561 มีรายได้จากการขายรวม 706 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 23,416 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากปีก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณอุปทานถ่านหินที่มีอยู่อย่างจำกัด ส่งผลให้ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 76.93 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน หรือ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับในปีก่อนหน้า แบ่งเป็น ปริมาณการขายจากเหมืองในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 5.34 ล้านตัน และออสเตรเลีย 3.78 ล้านตัน

ธุรกิจไฟฟ้า มีรายได้จากการขายรวมจากธุรกิจไฟฟ้า ไอน้ำ และอื่น ๆ 72 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2,388 ล้านบาท) ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรที่ดีจากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีและหงสา ส่งผลให้ธุรกิจไฟฟ้าในไตรมาสนี้ มี EBITDA 67 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2,222 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา มีรายได้จากการขายที่ 35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,160 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 298 ล้านบาท) หรือ ร้อยละ 34.6 จากไตรมาสที่ผ่านมา เป็นผลมาจากปริมาณขายที่สูงขึ้นในไตรมาสนี้

นางสมฤดี กล่าวว่า "วันนี้บ้านปูฯ ก้าวสู่การเป็น 'บริษัทพลังงานแบบครบวงจร' อย่างแท้จริง ใน 10 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครอบคลุมธุรกิจต้นน้ำ (ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ) กลางน้ำ (การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน รวมไปถึงการค้าถ่านหิน) และปลายน้ำ (ไฟฟ้า พลังงานทดแทน และระบบการจัดการเทคโนโลยีพลังงาน) เราพร้อมขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยกลยุทธ์ Greener & Smarter ที่เน้นการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และมีความชาญฉลาดยิ่งขึ้น ควบคู่กับพลังขององค์กรที่พร้อมจะสร้างคุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานของผู้บริโภค ชุมชน และสังคม ได้อย่างยั่งยืนตามพันธสัญญาของแบรนด์ใหม่ Our Way in Energy : พลังบ้านปูฯ สู่พลังงานที่ยั่งยืน"


……………….
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
‘บ้านปู’แพ้คดีจ่าย2.7พันล้าน
ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ : ศาลฎีกาตัดสินกลุ่มบ้านปูแพ้คดีหงสาจ่าย 2.7-3 พันล้าน

เพิ่มเพื่อน e-book-1-503x62