'ประสิทธิ์' ตัดตอน! คืน 280 ล้าน ล้างคดี

15 ส.ค. 2561 | 12:41 น.
150861-1925

'ประสิทธิ์' เจ้าพ่อตลาดหุ้นยอมจำนน! เจรจาขอคืนเงิน "โกงบิตคอยน์" 280 ล้านบาท ให้ผู้เสียหายชาวฟินแลนด์ แลกถอนฟ้องคดีฉ้อโกง พร้อมขอให้ตำรวจกันเป็นพยานคดีฉ้อโกง-ฟอกเงิน หลังเส้นทางการเงินมัด ประกาศตั้งโต๊ะแถลงข่าวสัปดาห์นี้

แหล่งข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา นายตำรวจระดับสูงได้นำ นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ อดีตผู้บริหารแอพเพิลเวลธ์ เจ้าพ่อตลาดหุ้น เข้าเจรจากับหญิงชาวไทย ที่มีชื่อเล่นว่า 'แตงโม' แฟนสาวของ นายเออาร์นี โอตาวา ชาริมา ชาวฟินแลนด์ เพื่อขอคืนเงินบางส่วนที่นายเออาร์นีถูกหลอกให้ร่วมลงทุนซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลและโอนเหรียญบิตคอยน์ 5,564 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 797,408,454.33 บาท


 

[caption id="attachment_306019" align="aligncenter" width="319"] ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ อดีตผู้บริหารแอพเพิลเวลธ์ เจ้าพ่อตลาดหุ้น ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ อดีตผู้บริหารแอพเพิลเวลธ์ เจ้าพ่อตลาดหุ้น[/caption]

"นายประสิทธิ์แจ้งกับผู้เสียหายว่า จะขอคืนเงินที่บริษัทบิตคอยน์โอนเงินเข้าบัญชีของกลุ่มนายประสิทธิ์ กับพวกอีก 3 คน รวมเป็นเงิน 280 ล้านบาท แต่บางกระแสบอกว่า 250 ล้านบาท ให้นายเออาร์นี แลกกับการให้นายเออาร์นีถอนฟ้องนายประสิทธิ์กับพวกทั้ง 3 คน พร้อมกับขอให้พนักงานสอบสวนกันตัวไว้เป็นพยานในคดีฉ้อโกงและความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542"

"ฐานเศรษฐกิจ" ตรวจสอบกรณีดังกล่าวด้วยการโทรศัพท์ไปสอบถามข้อเท็จจริงและรายละเอียดต่าง ๆ กับนายประสิทธิ์ โดยเจ้าตัวกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า "เรื่องจบแล้ว" แต่ปฏิเสธที่จะชี้แจงในรายละเอียด โดยบอกว่า ยังไม่พร้อมชี้แจงตอนนี้ เพราะติดประชุมอยู่ แต่จะเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 16 หรือ 17 ส.ค. นี้

นายสัก กอแสงเรือง อดีตนายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ความเห็นกรณีนายประสิทธิ์เจรจากับผู้เสียหายเพื่อขอคืนเงินและขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกันไว้เป็นพยาน เพื่อให้หลุดพ้นจากการถูกดำเนินคดี ว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน หากเห็นว่า มีพยานหลักฐานเอกสารเพียงพอแล้ว ก็ไม่จำเป็น แต่หากเห็นว่ายังไม่เพียงพอ ก็สามารถที่จะกันตัวนายประสิทธิ์ไว้เป็นพยานได้

แหล่งข่าวระดับสูงจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค. 2560 วันที่นายเออาร์นีเริ่มโอนเหรียญบิตคอยน์ พบข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว เข้าบัญชีกลุ่มนายปริญญาและนายประสิทธิ์ รวม 7 คน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 745,783,761 บาท

 

[caption id="attachment_306022" align="aligncenter" width="335"] ปริญญา จารวิจิต ปริญญา จารวิจิต[/caption]

ประกอบด้วย 1.บัญชีนายปริญญา จารวิจิต ระหว่างวันที่ 15 ก.ย. 2560 ถึง 10 ธ.ค. 2560 จำนวน 15 ครั้ง รวมเป็นเงิน 111,938,265 บาท , 2.บัญชี น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต ระหว่างวันที่ 6 ก.ย. ถึง 10 ธ.ค. 2560 จำนวน 20 ครั้ง รวมเป็นเงิน 140,184,665 บาท , 3.บัญชีนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต ระหว่างวันที่ 9-18 ก.ย. 2560 จำนวน 5 ครั้ง จำนวน 21,687,603 บาท

4.นายธนสิทธิ์ จารวิจิต ระหว่างวันที่ 19 ก.ค. ถึง 30 พ.ย. 2560 จำนวน 30 ครั้ง รวมเป็นเงิน 146,309,884 บาท , 5.นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 2560 ถึง 14 ม.ค. 2561 จำนวน 8 ครั้ง เป็นเงิน 66,542,948 บาท , 6.นายชาคริส อาห์มัด ระหว่างวันที่ 21 ก.ค. 2560 ถึง 29 ม.ค. 2561 จำนวน 20 ครั้ง รวมเป็นเงิน 162,994,510 บาท และ 7.นายชัชวาล ฉัตราติชาต 96,125,883 บาท

ขบวนการดังกล่าวเริ่มต้นประมาณต้นเดือน มิ.ย. 2560 ที่ผ่านมา โดยผู้เสียหายถูกชักจูงให้เข้าไปร่วมลงทุนในบริษัท Expay Group และ NX Chain Inc. ที่มีนายชัชวาลเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ โดยขั้นแรกหลอกให้ซื้อหุ้นบริษัท Expay Group โดยอ้างว่าจะมีบริษัท NX Chain มาถือหุ้นบริษัท Expay 51% นายเออาร์นีหลงเชื่อ โอนเงินบิตคอยน์ไปยังกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Wallet) ในช่วงวันที่ 17-19 ก.ค. 2560 จำนวน 1,259.13 เหรียญ คิดเป็นเงินมูลค่าความเสียหาย 92,692,200 บาท

ต่อมาต้นเดือน ส.ค. 2560 นายเออาร์นียังถูกชักชวนให้ลงทุนซื้อสกุลเงินดิจิตอล (Dragon Coin หรือ DRG) จำนวน 400 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง นายเออาร์นีได้โอนเงินบิตคอยน์เข้ากระเป๋าเงิน E-Wallet ของนายปริญญากับพวก ระหว่างวันที่ 26 ส.ค. ถึง 5 ก.ย. 2560 รวม 2,958.75948993 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าเสียหาย 440,007,281.33 บาท

นอกจากนี้ ประมาณต้นเดือน ก.ย. 2560 นายเออาร์นียังถูกชักให้ซื้อหุ้นบริษัท DNA 2002 จำกัด (มหาชน) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 500 ล้านหุ้น ที่คิดเป็นเงินจำนวน 250 ล้านบาท เมื่อหลงเชื่อก็ได้โอนเงินบิตคอยน์จำนวน 1,355.55701963 เหรียญ คิดเป็นมูลค่า 264,780,973 บาท โดยหลังจากที่มีการโอนเหรียญบิตคอยน์ไปเข้าบัญชีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของนายปริญญากับพวกแล้ว ได้มีการทยอยขายเหรียญบิตคอยน์ออกไป เมื่อได้เงินมาแล้วมีการสั่งถอนเงินออกจากบัญชีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ไปเข้าบัญชีของแต่ละคน


……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,392 วันที่ 16-18 ส.ค. 2561 หน้า 01+15

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
มารยาตลาดหุ้น : "ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ" เคลียร์จบ-ก่อนจนมุม! และถนนลูกรังพันล้าน  ของ“ไข่มุกดำ”ที่มีตำหนิ
เปิดขั้นตอน "สามพี่น้องจารวิจิต" เเละ "ประสิทธิ์" ต้มตุ๋น "หนุ่มฟินแลนด์" ลวงเงิน797ล้านบาท


เพิ่มเพื่อน e-book-1-503x62