กรมชลฯ เตือน! "เหนือ-อีสาน" รับมือพายุโซนร้อน 'เบบินคา' ถล่ม 15-16 ส.ค. นี้

รายงานข่าวจากกรมชลประทาน ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) สรุปการเฝ้าระวังติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำ ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา (วันที่ 13 ส.ค. 61) พายุดีเปรสชันบริเวณชายฝั่งของประเทศจีนตอนใต้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน "เบบินคา" มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 20.6 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.8 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้เกือบไม่เคลื่อนที่ คาดว่าจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมประเทศเวียดนามในช่วงวันที่ 15-16 ส.ค. 2561 โดยจะทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงดินโคลนถล่มไว้ด้วย




สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร และอ่าวไทยตอนบนคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งตลอดช่วง ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกให้ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง (12 ส.ค. 61) ปริมาตรน้ำในอ่างฯ  53,190 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 70 (ปริมาตรน้ำ ใช้การได้ 29,268 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 56) ปริมาตรน้ำในอ่างฯ เทียบกับปี 2560 (48,974 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 64) มากกว่าปี 2560 จำนวน 4,216 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ จำนวน 339.06 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำระบาย จำนวน  259.75 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีก 22,850 ล้าน ลบ.ม.

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา (4 เขื่อนหลัก) (13 ส.ค.61) ปริมาตรน้ำในอ่างฯ 14,638 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 59 (ปริมาตรน้ำใช้การได้ 7,942 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 44) ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ จำนวน 64.45 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำระบาย จำนวน  42.07 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีก 10,233 ล้าน ลบ.ม.




ปัจจุบัน สถานการณ์อุทกภัย 11 จังหวัด ได้แก่ จ.ยโสธร กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี นครพนม สกลนคร มุกดาหาร บึงกาฬ หนองคาย เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี และระนอง สถานการณ์เฝ้าระวัง 2 จังหวัด ได้แก่ จ.กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังอุทกภัยเดือน ส.ค. 2561 มี 12 จังหวัด ประกอบด้วย  เชียงใหม่ ลำปาง อุตรดิตถ์ น่าน แพร่ อุบลราชธานี พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ เลย และหนองคาย สถานการณ์โดยรวมยังคงเฝ้าระวังในลำน้ำสายหลักต่าง ๆ เนื่องจากประเทศไทยยังมีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง




ด้าน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ เปิดเผยว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนรม. และ รมว.กห. ได้แสดงความขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับข้าราชการทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองในแต่ละพื้นที่ ที่ร่วมกันทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 31 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวนถึง 48,947 ครัวเรือน อย่างต่อเนื่องที่ผ่านมา

โดยขอให้ทุกเหล่าทัพ กำชับหน่วยทหารในพื้นที่ ให้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำในพื้นที่เสี่ยงอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคใต้ตอนบน จำนวน 9 จังหวัด ที่ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วม ขอให้พยายามร่วมเป็นกำลังใจและเข้าไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ขั้นต้นแก่ประชาชนที่เดือดร้อนให้ทั่วถึงและต่อเนื่อง โดยอย่าให้ถูกตัดขาด ทั้งเสบียงอาหารและเวชภัณฑ์ สำหรับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ขอให้ดำรงความต่อเนื่องในการสนับสนุนศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ในการช่วยเหลือฟื้นฟูบ้านเรือนราษฎร เส้นทางคมนาคมและระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติโดยเร็ว

โฆษก กห. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้หน่วยทหารทุกเหล่าทัพในแต่ละพื้นที่ 31 จว.ทั่วประเทศ ยังทำงานร่วมกับ ศบภ.จว. ในการคงความต่อเนื่องให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยสนับสนุนและร่วมกันติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เรือผลักดันนำ้และใช้เครื่องจักรเปิดเส้นทางเร่งระบายนำ้ การจัดทำแนวกั้นน้ำ การนำเรือท้องแบบสนับสนุนถุงยังชีพ การจัดยานพาหนะสนับสนุนการสัญจร การใช้เครื่องมือช่างเปิดเส้นทางคมนาคม การจัดชุดแพทย์สนามเคลื่อนที่ การสนับสนุนกำลังพลขนย้ายผู้สูงอายุและสิ่งของขึ้นที่สูง รวมทั้งการสนับสนุนรถครัวสนามและรถประปาสนาม เป็นต้น โดยทหารยังคงสนับสนุนอยู่ในพื้นที่จนกว่าสถานการณ์อุทกภัยจะคลี่คลาย


……………….
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● 'ทีมบึงกาฬ' เดินหน้าป้องกันน้ำท่วมจากพายุฝน
● “พายุเซินติญ” ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง คาดกระทบไทยไม่มาก "สังขละ-แม่สอด" ยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด