"ประสิทธิ์" ยันบริสุทธิ์ ไม่เกี่ยวโกงบิตคอยน์ ยอมรับเคยรู้จัก "ปริญญา"
[caption id="attachment_305173" align="aligncenter" width="319"]
ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ[/caption]
นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เปิดเผยว่า ขอยืนยันความบริสุทธิ์ เพราะมีเอกสารและหลักฐานที่จะยืนยัน โดยยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโกง นายปริญญา จารวิจิต ซึ่งเป็นพี่ชายดาราและนายแบบชื่อดัง “บูม” หรือนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต ล้านเปอร์เซ็นต์
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวเริ่มรู้จักกับนายปริญญาจากการไปเรียนเรื่องบล็อกเชนที่สิงคโปร์ช่วงเดือนพ.ค.2560 ซึ่งพบกับนายปริญญาในคลาสเรียนและนายปริญญาได้มีการแนะนำให้รู้จักเจ้าพ่อบิทคอยน์คือนายอาร์นิ โอตาวา ซาริมา และแฟนคนไทยชื่อแตงโม ซึ่งส่วนตัวมีความชื่นชอบทั้งสองคนเพราะมองว่านายอาร์นิมีความเก่งและคุณแตงโมมีความละเอียดและดูเรื่องการเงิน ส่วนนายปริญญา เป็นผู้กว้างขวางด้านบิทคอยน์ในมาเก๊า ฮ่องกง และเกาหลีใต้
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะที่เมื่อรู้จักกันทั้ง 3 คนจึงมีการซักชวนกันมาทำบริษัท ไว โฮลดิ้งส์ กรุ๊ป เพื่อทำธุรกิจบิทคอยน์ โดยเฉพาะ โยมีการทำหลายๆบิททคอยน์ ก่อนจะมาทำเงินดิจิทัลในชื่อดราก้อน คอยน์ ( Dragon Coin (DRG) โดยตนเองเป็นคนทำเรื่องเอกสาร นายอาร์นิ ทำเรื่องบิทคอยน์ และนายปริญญาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด และมีคอนเน็คชั่นมาก
นายประสิทธิ์ กล่าวว่าต่อมาภายหลังตนเองพบว่านายปริญญามีการทำงานแบบไม่โปร่งใส จึงมีการบอกกล่าว แต่นายปริญญาบอกว่าหากไม่พอใจก็ให้ตนเองออกไป ตนเองจึงลาออกจากบริษัทไว โฮลดิ้ง กรุ๊ปและไม่มีส่วนเกียวข้องกับบริษัทตั้งแต่ช่วงเดือนต.ค.60 ซึ่งต่อมาทราบว่าภายหลังว่านายอาร์นิและแตงโมก็ถูกนายปริญญาไล่ออกมาเช่นกัน โดยยืนยันว่านายปริญญา ไม่ได้เคยทำงานในบริษัทหลักทรัพย์แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน)
กรณีนี้นั้นเมื่อวันที่ 9 ส.ค. กองปราบปรามจับกุมนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จารวิจิต อายุ 27 ปี ดารา นายแบบ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1694/2561 ลงวันที่ 26 ก.ค. 2561 ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน โดยจับได้บริเวณห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านรัชโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
โดยคดีนี้ เมื่อเดือนก.ค.ถึงธ.ค. 2560 ได้มีผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวต่างชาติเข้าแจ้งความว่าถูกผู้ต้องหาพร้อมกับพวกร่วมกันหลอกลวง และร่วมกันวางแผนชักชวนให้ลงทุนประกอบธุรกิจซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ในชื่อ ดรากอน คอยน์ โดยหลอกลวงให้ซื้อหุ้นของบริษัท เอ็กซ์เปย์ ซอฟท์แวร์ จำกัด, NX Chain Inc. และหุ้นของบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ร่วมลงทุนด้วยการโอนเหรียญบิตคอยน์ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลจำนวนหนึ่ง เข้าไปยังกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-wallet) ในบัญชีของนายจิรัชพิสิษฐ์ที่เปิดรับรองไว้ส่วนหนึ่ง และบัญชีของผู้ต้องหาอื่นๆ อีก รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,564.44650956 เหรียญบิตคอยน์ คิดเป็นสกุลเงินบาทไทยจำนวน 797,408,454.33 บาท
นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เปิดเผยว่า ขอยืนยันความบริสุทธิ์ เพราะมีเอกสารและหลักฐานที่จะยืนยัน โดยยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโกง นายปริญญา จารวิจิต ซึ่งเป็นพี่ชายดาราและนายแบบชื่อดัง “บูม” หรือนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต ล้านเปอร์เซ็นต์
“ผมบริสุทธิ์ เพราะมีเอกสารและหลักฐานที่พร้อมจะชี้แจงทุกอย่าง ไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ล้านเปอร์เซ็นต์”
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวเริ่มรู้จักกับนายปริญญาจากการไปเรียนเรื่องบล็อกเชนที่สิงคโปร์ช่วงเดือนพ.ค.2560 ซึ่งพบกับนายปริญญาในคลาสเรียนและนายปริญญาได้มีการแนะนำให้รู้จักเจ้าพ่อบิทคอยน์คือนายอาร์นิ โอตาวา ซาริมา และแฟนคนไทยชื่อแตงโม ซึ่งส่วนตัวมีความชื่นชอบทั้งสองคนเพราะมองว่านายอาร์นิมีความเก่งและคุณแตงโมมีความละเอียดและดูเรื่องการเงิน ส่วนนายปริญญา เป็นผู้กว้างขวางด้านบิทคอยน์ในมาเก๊า ฮ่องกง และเกาหลีใต้
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะที่เมื่อรู้จักกันทั้ง 3 คนจึงมีการซักชวนกันมาทำบริษัท ไว โฮลดิ้งส์ กรุ๊ป เพื่อทำธุรกิจบิทคอยน์ โดยเฉพาะ โยมีการทำหลายๆบิททคอยน์ ก่อนจะมาทำเงินดิจิทัลในชื่อดราก้อน คอยน์ ( Dragon Coin (DRG) โดยตนเองเป็นคนทำเรื่องเอกสาร นายอาร์นิ ทำเรื่องบิทคอยน์ และนายปริญญาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด และมีคอนเน็คชั่นมาก
โดยคดีนี้ เมื่อเดือนก.ค.ถึงธ.ค. 2560 ได้มีผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวต่างชาติเข้าแจ้งความว่าถูกผู้ต้องหาพร้อมกับพวกร่วมกันหลอกลวง และร่วมกันวางแผนชักชวนให้ลงทุนประกอบธุรกิจซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ในชื่อ ดรากอน คอยน์ โดยหลอกลวงให้ซื้อหุ้นของบริษัท เอ็กซ์เปย์ ซอฟท์แวร์ จำกัด, NX Chain Inc. และหุ้นของบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ร่วมลงทุนด้วยการโอนเหรียญบิตคอยน์ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลจำนวนหนึ่ง เข้าไปยังกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-wallet) ในบัญชีของนายจิรัชพิสิษฐ์ที่เปิดรับรองไว้ส่วนหนึ่ง และบัญชีของผู้ต้องหาอื่นๆ อีก รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,564.44650956 เหรียญบิตคอยน์ คิดเป็นสกุลเงินบาทไทยจำนวน 797,408,454.33 บาท
