"ละมุนเบบี้" เปิดแผนรุกตลาดผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกสำหรับแม่และเด็ก เร่งสร้างแบรนด์ลุยต่างประเทศ ทั้งเวียดนาม อินโดนีเซีย และจีน ล่าสุด ผนึกแบรนด์แฟชั่น "Kloset" คลอดคอลเลกชันพิเศษ ตั้งเป้าโกยยอดขาย 200 ล้านบาท ใน 3 ปี
นางสาวเนตรนพิศ รุ่งธนเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ละมุนเบบี้ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกสำหรับแม่และเด็กแบรนด์
"ละมุน เบบี้" เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่มีการออกสินค้าใหม่ กอปรกับอัตราการเกิดใหม่ของเด็กลดน้อยลงตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จึงส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตของตลาดสินค้าและผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกสำหรับแม่และเด็ก โดยพบว่า ในปีที่ผ่านมา ตลาดรวมมีการเติบโต 3-5% ขณะที่ ผลิตภัณฑ์ละมุนเบบี้ ซึ่งมีการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายมีการเติบโต 30% ทำให้บริษัทมีแผนรุกตลาดในประเทศมากขึ้น ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
[caption id="attachment_304743" align="aligncenter" width="503"]
เนตรนพิศ รุ่งธนเกียรติ[/caption]
ล่าสุด บริษัทได้ร่วมกับแบรนด์แฟชั่น Kloset พัฒนาสินค้าใหม่ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์คุณแม่ยุคใหม่ ประกอบด้วย ผ้าคลุมสำหรับให้นมบุตร และกระเป๋าเก็บอุณหภูมิ ที่ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย โดยมีลวดลายให้เลือก 2 แบบ 2 สไตล์ ได้แก่ ลายเฟิ่ง หวง (Feng Haung) และลายฟีลีน (Feline) ในคอนเซ็ปต์ Mom Amour Collection ที่มีจำนวนจำกัด
นอกจากนี้ บริษัทยังขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น www.lamoonbaby.com Line@ Lamoonbaby, Facebook, Lazada, Shopee พร้อมขยายช่องทางขายผ่านห้างชั้นนำ อาทิ โรบินสัน และท็อปส์ เพิ่มเป็น 10 แห่ง จากเดิมที่มีอยู่ 5 แห่ง พร้อมเข้าไปวางจำหน่ายในเดอะมอลล์ เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวกระโดดสำคัญในการสร้างการเติบโต"
ขณะที่ แผนการทำตลาดในต่างประเทศ บริษัทเน้นส่งออกผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกสำหรับเด็กไปยัง ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ลาว และกัมพูชาเพิ่มเติม พร้อมกับขยายตลาดไปยังประเทศจีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย เพิ่มเติม เบื้องต้น อยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์ตเนอร์ โดยคาดการณ์ว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ซึ่งการขยายเข้าไปในกลุ่มประเทศดังกล่าวเนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงและมีจำนวนประชากรค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในจีนและอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้าหมายที่จะมีรายได้ 200 ล้านบาท ภายใน 3 ปีนับจากนี้
หน้า 34 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,391 วันที่ 12-15 ส.ค. 2561