ปรับผังรับโลว์ซีซัน! ทีวีดิจิตอลส่ง "วาไรตี-กีฬา-ซีรีส์-ละคร" ชิงคนดู
ทีวีดิจิตอลขยับผังอีกระลอกรับโลว์ซีซัน! 'เวิร์คพอยท์' ส่งวาไรตี-กีฬา ดัน 'ไทยแลนด์ ก็อตทาเลนต์' ตัวชูโรง ขณะที่ MCOT ชิมลางส่งสารคดีลงจอ ก.ย. ก่อนปรับใหญ่ ทั้งข่าว-วาไรตี ต.ค. นี้ ด้าน 'ช่อง 8' จัดทัพใหญ่ซีรีส์อินเดีย บอลลีวูด และละครไทย เอาใจสาวก
แม้ กสทช. จะออกมาเปิดเผยถึงมูลค่าการโฆษณาในกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดิน ที่พบว่า ในเดือน ก.ค. ปีนี้ จะมียอดรวม 5,979 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดรวม 5,287 ล้านบาท ขณะที่ ค่าความนิยม (เรตติ้ง) เฉลี่ยของช่องรายการ 10 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 ช่อง 7HD เรตติ้ง 1.723 , อันดับ 2 ช่อง 3HD เรตติ้ง 1.324 , อันดับ 3 ช่องโมโน 29 เรตติ้ง 0.872 , อันดับ 4 ช่องเวิร์คพอยท์ ทีวี เรตติ้ง 0.777 , อันดับ 5 ช่องไทยรัฐ ทีวี เรตติ้ง 0.720 , อันดับ 6 ช่อง ONE HD เรตติ้ง 0.522 , อันดับ 7 ช่อง 8 เรตติ้ง 0.473 , อันดับ 8 ช่องอมรินทร์ ทีวี เรตติ้ง 0.399 , อันดับ 9 ช่อง 3SD เรตติ้ง 0.338 และอันดับ 10 ช่อง MCOT HD เรตติ้ง 0.247 ไม่แตกต่างจากช่วงก่อนหน้านี้มากนัก
แต่พบว่า ในเดือน ส.ค. ช่องทีวีดิจิตอลต่างลุกขึ้นมาปรับผังรายการอีกครั้ง เพื่อหวังกระตุ้นและรักษาเรตติ้งในช่วงโลว์ซีซันให้คงอยู่ โดย นายชลากรณ์ ปัญญาโฉม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานดิจิทัลทีวี บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารทีวีดิจิตอล "เวิร์คพอยท์ ช่อง 23" เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า คอนเทนต์ใหม่ที่จะเปิดตัวในเดือน ส.ค. และเป็นไฮไลต์ของเวิร์คพอยท์ คือ ไทยแลนด์ ก็อตทาเลนต์ : นิว ซีซั่น (Thailand’s Got Talent : New Season) รายการวาไรตีที่คนไทยชื่นชอบ มหกรรมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ 2018 , วอลเลย์บอล ชิงแชมป์โลก 2018 และยังเตรียมซื้อคอนเทนต์อื่น ๆ เข้ามาเพิ่ม ทั้งรายการวาไรตีและกีฬา
"ช่วงนี้ผังรายการของหลาย ๆ ช่องเริ่มนิ่ง เช่น เวิร์คพอยท์เองจะเน้นรายการวาไรตี เกมโชว์เป็นหลัก มีข่าว-ละครบ้างเล็กน้อย ขณะที่ ช่องไทยรัฐ เน้นนำเสนอข่าว ช่องโมโนนำเสนอภาพยนตร์/ซีรีส์ แสดงให้เห็นว่า แต่ละช่องมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน อาจจะมีปรับเปลี่ยนผังรายการบ้างเพื่อให้เหมาะกับช่วงเวลาและเรตติ้งผู้ชม"
ทั้งนี้ เวิร์คพอยท์เองให้ความสำคัญกับทีวีดิจิตอล แต่ขณะเดียวกัน ในช่องทางออนไลน์ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่น่าสนใจและจับตา เพราะปัจจุบัน ผู้ชมหันไปนิยมมากขึ้น โดยเห็นได้จากในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา แพลตฟอร์มออนไลน์มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด รายการบางรายการเรตติ้งในช่องอาจไม่สูง แต่ในช่องทางออนไลน์กลับได้รับความนิยมมาก เช่น Victory BNK48 เป็นต้น รวมทั้งเม็ดเงินโฆษณาก็เริ่มไหลไปยังช่องทางออนไลน์มากขึ้น และวันนี้คอนเทนต์ที่นำเสนอในช่องทางออนไลน์ก็เริ่มมีความแตกต่างกับช่องทีวีดิจิตอลมากขึ้นด้วย
ด้าน นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารทีวีดิจิตอล "MCOT HD ช่อง 30 และ MCOT Family ช่อง 14" กล่าวว่า ในช่วงเดือน ต.ค. นี้ อสมท มีแผนปรับภาพลักษณ์ของช่องใหม่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานผ่านรูปแบบการนำเสนอใหม่ ๆ เพื่อรองรับการแข่งขันในธุรกิจทีวีดิจิตอล โดยเบื้องต้นจะเป็นการปรับผังรายการใหม่ในช่วงเดือน ก.ย. นี้ ด้วยการนำเสนอรายการใหม่ อย่าง "รายการโลกตะลึง" ที่จะมาออกอากาศแทน รายการ "ชีวิตสัตว์มหัศจรรย์" วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.20 น. และรายการ "THE AMAZING MAGICIAN" ที่จะมาออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 18.20 น. เช่นเดียวกัน
ก่อนจะทยอยปรับรูปแบบการนำเสนอรายการข่าวทั้งหมด โดยจะเริ่มจากรายการข่าวภาคค่ำ ที่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของผู้ประกาศหน้าใหม่และบุคลากรรุ่นใหม่ ๆ ที่เข้ามาดำเนินรายการ เพื่อทำให้การแข่งขันมีสีสันและน่ารับชมมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีแผนนำรายการวาไรตีใหม่ ๆ ที่จะเพิ่มเข้ามาอีก 2-3 รายการ เขามาเสริมทัพอีกด้วย
"ภาพรวมในแง่ของเรตติ้งภายหลังจากที่มีการปรับผังใหม่ ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง เนื่องจากมีปัจจัยแวดล้อมภายนอกหลายด้าน ทั้งในเรื่องการแข่งขันของทีวีดิจิตอลที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ในกลุ่มช่องข่าวและช่องวาไรตีบันเทิง แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ อสมท เอง จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของรายการในช่อง ตั้งแต่เช้า-เย็น กับการนำเสนอมุมมองใหม่ ๆ ในช่วง ต.ค. นี้แน่นอน"
ทั้งนี้ การปรับผังรายการใหม่ดังกล่าว บริษัทมองว่าจะช่วยลดช่องว่างเวลาโฆษณาลงเหลือ 40% ได้ จากปัจจุบันที่มีเวลาโฆษณาเหลือสูงถึง 70% ควบคู่กับการนำเวลาโฆษณาดังกล่าวมาเพิ่มช่องทางในการหารายได้ ด้วยการนำเสนอสินค้าอื่น ๆ เข้ามาทดแทน ไม่ว่าจะเป็น การนำสินค้าจากโครงการมาโฆษณาผ่านทางช่อง 14 และช่อง 30 เพื่อกระตุ้นการใช้สื่อโฆษณาในช่องดังกล่าวมากขึ้น
ขณะที่ นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาร์เอส ผู้บริหารทีวีดิจิตอล "ช่อง 8" กล่าวว่า ช่อง 8 เตรียมนำเสนอคอนเทนต์ใหม่ต่อเนื่อง ทั้งซีรีส์อินเดีย ซึ่งช่อง 8 มีความถนัดในการคัดเลือกเรื่องมาได้ถูกใจผู้ชมที่เป็นกลุ่มเป้าหมายมีอายุ mass 4+ ปี เตรียมทยอยนำซีรีส์อินเดียฟอร์มยักษ์อีก 2 เรื่องใหม่ ได้แก่ พิฆเนศ มหาเทพไอยรา (Vighnaharta Genesha) และแผนรักลวงใจ (ISSPYAAR KO KYA NAMM DOON) นอกจากนี้ ยังมี "Bollywood Block Buster" นำสุดยอดภาพยนตร์บอลลีวู้ดพันล้าน พบความมันและความบันเทิงที่คอหนังไม่ควรพลาด ออกอากาศทุกวันเสาร์ สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุ mass 15+ ปี
นอกจากนี้ เพื่อรักษาฐานผู้ชมคอละคร ช่อง 8 เตรียม "ละครใหม่แกะกล่อง" เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายอายุ mass 18+ ปี โดยเน้นละครหลากรสหลายอารมณ์ อาทิ ละครแนวโรแมนติก แอกชัน แฟนตาซี "พยัคฆา" , ละครแนวแฟนตาซี คอมมิดี้ "รักฉันสวรรค์จัดให้" , ซิ่นลายหงส์ , ดงผู้ดี , บุษบาเปื้อนฝุ่น , มัจจุราชฮอลิเดย์ , สาปกระสือ , ปมรักสลับหัวใจ ฯลฯ
นายดามพ์ นานา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.อาร์เอส กล่าวว่า ช่อง 8 ได้ทุ่มเติมคอนเทนต์ใหม่ครบทุกรส ไม่ว่าจะเป็น ซีรีส์อินเดีย ละครไทย ข่าว มวย เพื่อตอกย้ำคอนเซ็ปต์ "เข้มทุกเรื่องราว สดทุกอารมณ์" ถือเป็นการเปิดเกมรุกได้ตรงกับจังหวะและโอกาสช่วงเม็ดเงินโฆษณากลับมาพอดี จึงเชื่อมั่นว่า ผังใหม่จะถูกใจผู้ชมทั้งประเทศและดันเรตติ้งช่อง 8 ให้เพิ่มมากขึ้นไปด้วย
JKN ขนคอนเทนต์ "ซีรีส์ฟิลิปปินส์-อินเดีย" บุกไทย
นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับโลกของเมืองไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทนับจากนี้ จะให้ความสำคัญกับการนำทัพซีรีส์ฟิลิปปินส์เข้ามาทำตลาดในไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากช่วงที่ผ่านมา บริษัทรุกตลาดซีรีส์อินเดียในไทยจนประสบความสำเร็จมาแล้วเป็นอย่างดี โดยวางเป้าหมาย คือ การเป็น "GLOBAL CONTENT MANAGEMENT AND DISTRIBUTION COMPANY NO.1 IN SEA" หรือ การเป็นผู้นำในบริษัทผู้ค้าคอนเทนต์ของภูมิภาคอาเซียน ที่ประกอบไปทั้งการนำเข้าและส่งออกคอนเทนต์ โดยมียอดขาย การตลาด และโปรดักต์ที่ต้องครบถ้วนและพร้อมจะสู้ในตลาดต่างประเทศ
[caption id="attachment_304720" align="aligncenter" width="335"]
"ปัจจุบัน บริษัทมีซีรีส์ฟิลิปปินส์ราว 100-200 เรื่อง จากคอนเทนต์ซีรีส์ต่าง ๆ ที่บริษัทมีอยู่กว่า 3,000 เรื่อง ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถสร้างฐานแฟนในไทยให้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี เนื่องจากหน้าตา วิถีชีวิต และความชื่นชอบของชาวฟิลิปปินส์กับไทยคล้ายกัน แต่ซีรีส์ฟิลิปปินส์มีความสดใหม่ในแง่ของดารานักแสดงที่แปลกใหม่สำหรับคนไทยมากกว่า จึงมั่นใจว่าจะสามารถตอบโจทย์และสร้างฐานแฟนคลับได้ใน 1-2 ปี"
ขณะที่ ช่อง JKN CHANNEL นั้น คือ องค์ประกอบสำคัญ เพราะเปรียบเสมือนหน้าร้านในการสร้างคอนเทนต์ของบริษัท ซึ่งอาจจะมีทั้งการฉายซีรีส์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างการรับรู้และซีรีส์ที่เคยออกฉายแล้วนำกลับมาฉายใหม่ ด้าน ตลาดต่างประเทศจะให้ความสำคัญกับการเดินสายโรดโชว์ในแต่ละประเทศ เพื่อสร้างการรับรู้ในตัวคอนเทนต์และสร้างชื่อของ JKN ให้เป็นที่รู้จักในการทะยานสู่ตลาดโลกต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ ยังได้ใช้งบประมาณ 1,800 ล้านบาท ในการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ในชื่อ "JKN THE RIVER KING" บนพื้นที่ 15 ไร่ ย่านศาลายา เพื่อเป็นศูนย์รวมในการผลิตงานโกบัลคอนเทนต์ให้กับคนไทยและชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2564 พร้อมกันนี้ ยังได้ใช้งบประมาณราว 800 ล้านบาท ในการเข้าซื้อคอนเทนต์ต่าง ๆ ทั้งซีรีส์อินเดีย ฟิลิปปินส์ ตะวันตก เข้ามาเสริมทัพในปีนี้
"นอกจากการจำหน่ายคอนเทนต์แล้ว เรายังมีการจับมือกับ BFLIX ในการนำโปรแกรมซีรีส์อินเดียและฟิลิปปินส์ไปฉายในช่องทางออนไลน์เพิ่มเติมอีกด้วย"
อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตในสิ้นปีนี้ไม่ต่ำกว่า 20% หรือ มีรายได้ราว 1,500 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้ราว 1,200 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างการเติบโตไปแล้ว 30% โดยมีปัจจัยหลักของการเติบโตมาจากคอนเทนต์ที่ส่งออก ทั้งในฮ่องกงและเวียดนาม ขณะที่ ช่วงครึ่งปีหลังปัจจัยหลักที่จะผลักดันให้บริษัทเติบโตคงมาจากส่วนของคอนเทนต์ซีรีส์อินเดียที่จะส่งไปขายในประเทศกลุ่มซีแอลเอ็มวี และการจับมือกับบีอีซีในการนำคอนเทนต์ละครของช่อง 3 กว่า 100 เรื่อง ไปจำหน่ายทั่วโลก โดยคาดว่า สัญญาจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 นี้
……………….
เซกชัน : การตลาด โดย นสพ.ฐานเศรษฐกิจ
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,391 วันที่ 12-15 ส.ค. 2561 หน้า 36+35
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● 'ช่อง 7HD' ปรับผังใหญ่! เสิร์ฟวาไรตี้-ซีรีส์ดัง
● เฮียฮ้อปรับผังช่อง8 รุกทีวีดิจิตอลปีจอ
