“สมคิด”ปาฐกถาแจงนโยบายปฏิรูปภาคการเกษตรดันสหกรณ์ 777 แห่ง

09 ส.ค. 2561 | 12:34 น.
กรมส่งเสริมสหกรณ์ จัดเวิร์คช็อปการปรับโครงสร้างภาคเกษตรโดยกลไกสหกรณ์ เชิญสหกรณ์เข้มแข็ง 777 แห่ง รับฟังนโยบายจาก “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี พร้อมระดมสมองหาทางยกระดับสหกรณ์ช่วยขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลเดินหน้าปฏิรูปภาคการเกษตรให้สำเร็จ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เผยว่า การดำเนินนโยบายของรัฐบาลในหลายโครงการจำเป็นต้องใช้กลไกของสหกรณ์เข้ามาดำเนินการ ทั้งเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก การปฏิรูปภาคการเกษตรเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร ซึ่งสหกรณ์ต้องทำหน้าที่ในการรองรับนโยบายจากภาครัฐ เพื่อส่งต่อไปถึงตัวเกษตรกร เบื้องต้น กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้คัดเลือกสหกรณ์ที่ดำเนินธุรกิจประสบผลสำเร็จและมีความเข้มแข็ง มีมาตรฐานในการบริหารจัดการในระดับดีเด่น ส่วนใหญ่เป็นสหกรณ์ที่รวบรวมผลผลิตการเกษตรที่สำคัญ ทั้งข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด ผลไม้ โคเนื้อ นม และสินค้าแปรรูป จำนวน 777 แห่ง เข้ามารับฟังนโยบายในครั้งนี้ เพื่อผลักดันให้สหกรณ์เหล่านี้เป็นองค์กรหลักระดับอำเภอ เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและสังคมของชุมชน

soma

พร้อมทั้งช่วยต่อยอดนโยบายของรัฐบาล ในการดูแลและส่งเสริมความรู้เทคโนโลยีที่ทันสมัยให้แก่เกษตรกร การบริหารจัดการสินค้าการเกษตรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยใช้หลักการตลาดนำการผลิต เริ่มตั้งแต่ส่งเสริมเกษตรกรผลิตสินค้าคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด การรวบรวมผลผลิตของเกษตรกรเพื่อนำมาแปรรูปเพิ่มมูลค่า และการประสานภาคเอกชนเข้ามาส่งเสริมช่องทางตลาด เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรขายผลผลิตได้ราคาที่เป็นธรรม มีรายได้และความมั่นคงในการประกอบอาชีพ

ปัจจุบัน สหกรณ์ภาคการเกษตรได้เข้ามามีส่วนในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่สำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่
1.รัฐบาลได้จัดสรรเงินอุดหนุนจากงบกลางปี 2561 ภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน เพื่อเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจรวบรวมและแปรรูปผลผลิตการเกษตรของสหกรณ์ โดยสร้างฉาง โกดัง ลานตาก และอุปกรณ์แปรรูปผลผลิต เพื่อเก็บชะลอและรองรับสินค้าการเกษตรหลัก ก่อนทยอยเพื่อระบายสู่ตลาด ทั้งข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลังและยางพารา ไม่น้อยกว่า 900,000 ตัน

2. มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวปีการผลิต2561/62 ผ่านโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกและการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวนาปี วงเงินหมุนเวียน 22,560 ล้านบาท โดยให้เก็บผลผลิตไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกร หรือสถาบันเกษตรกร และให้ธกส.ปล่อยสินเชื่อแก่เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อชะลอการจำหน่ายผลผลิตข้าวเปลือกในพื้นที่ปลูกข้าวทุกจังหวัดทั่วประเทศ ปริมาณ 2 ล้านตันข้าวเปลือก และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร วงเงินหมุนเวียน 12,500 ล้านบาท เสริมสภาพคล่องให้กับระบบสหกรณ์ในการรวบรวมข้าวเปลือกจากเกษตรกร เพื่อชะลอปริมาณผลผลิตไม่ให้ออกสู่ตลาดในช่วงเก็บเกี่ยว ซึ่งจะช่วยรักษาระดับราคาข้าวเปลือกให้มีเสถียรภาพ และทำให้เกษตรกรสามารถขายข้าวเปลือกได้ราคาที่สูงขึ้น.
soma1 3.การส่งเสริมปลูกพืชหลังนาเพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร โดยส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เบื้องต้นจะทดลองให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ในจังหวัดอุตรดิตถ์ ปลูกข้าวโพดในพื้นที่ 3 พันไร่ คาดว่าจะเริ่ม ในเดือนพฤศจิกายน 2561 นี้ โดยให้สหกรณ์ทำหน้าที่ส่งเสริมตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ เทคโนโลยีการผลิต การรวบรวมข้าวโพดจากเกษตรกรสมาชิกและเจรจากับภาคเอกชนเข้ามารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร ซึ่งหากประสบผลสำเร็จก็จะขยายผลเพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านไร่ทั่วประเทศ

4.การสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนในการขยายช่องทางตลาดสินค้าการเกษตร ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการลงนามข้อตกลงซื้อขายผลผลิตการเกษตรระหว่างสหกรณ์ผู้ผลิตสินค้า กับห้างโมเดิร์นเทรด ผู้ส่งออกและเครือข่ายสหกรณ์ต่าง ๆ ทั่วประเทศ อาทิ
4.1 การลงนามซื้อข้าวหอมมะลิของสหกรณ์ในพื้นที่ภาคอีสาน กับห้างเทสโก้ โลตัส ภายใต้โครงการข้าวประชารัฐ เพื่อขยายผลเพิ่มปริมาณการรับซื้อข้าว โดยตรงจากชาวนา โดยไม่ผ่านคนกลางและโรงสีเอกชนเป็นข้าวหอมมะลิแท้ 100% จากสหกรณ์การเกษตรใน 4 จังหวัดภาคอีสานอีก 7,000 ตัน และข้าวกล้องหอมมะลิ 100% และข้าวไรซ์เบอร์รี่ บรรจุถุงภายใต้แบรนด์เทสโก้ รวม 2,000 ตัน วางจำหน่ายภายในห้างเทสโก้ โลตัสทั่วประเทศ

4.3 ส่งเสริมการผลิตข้าวกข 43 ให้กับสหกรณ์ และร่วมกับกระทรวงพาณิชย์วางแผนการตลาด โดยประสานกับภาคเอกชน ทั้งโรงสีและผู้ประกอบการที่สนใจทำข้อตกลงซื้อขายข้าวกข 43 กับสหกรณ์ 9 แห่งในจังหวัดสุพรรณบุรี เพชรบุรี อยุธยา อุทัยธานีและชัยนาท เพื่อนำไปแปรรูปจำหน่ายให้กับผู้บริโภค ส่วนสหกรณ์ที่มีโรงสีข้าวได้ดำเนินการแปรรูปข้าวกข 43 เป็นข้าวสาร บรรจุถุงสุญญากาศที่มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพจากกรมการข้าวว่าเป็นข้าวกข 43 แท้ที่ผลิตจากสหกรณ์ และวางขายในห้างโมเดิร์นเทรด ศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ตามจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงร้านสหกรณ์ในมหาวิทยาลัยและร้านสหกรณ์ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการกลุ่มผู้บริโภคที่ดูแลสุขภาพ
โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6 4.3การทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง บริษัท Shanghai Win Chain Supply Management co.,Ltd ซึ่งเป็นบริษัทจัดซื้อสินค้าเพื่อส่งให้กับอาลีบาบา กรุ๊ป ของจีน กับสหกรณ์ผู้ผลิตทุเรียน 3 แห่งในภาคตะวันออก ได้แก่ สหกรณ์นิคมวังไทร จำกัด จังหวัดระยอง สหกรณ์การเกษตรมะขาม จำกัด จังหวัดจันทบุรี และสหกรณ์การเกษตร เขาสมิง จำกัด จังหวัดตราด เพื่อสั่งซื้อทุเรียนของสหกรณ์นำไปจำหน่ายที่ประเทศจีน ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ในฤดูกาลปี 2562 ปริมาณไม่น้อยกว่า 3,000 ตันหรือ 800,000 ลูก

4.4 การเจรจากับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในการช่วยกระจายผลผลิตลำไยจากสหกรณ์ในพื้นที่ภาคเหนือและเงาะโรงเรียนนาสารจากสหกรณ์ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้กับผู้บริโภคสั่งซื้อทางไปรษณีย์ ภายใต้โครงการอร่อยทั่วไทย สั่งได้ที่ไปรษณีย์ เพื่อเป็นการกระจายสินค้าและช่วยแก้ปัญหาสินค้าล้นตลาด อีกทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางสั่งซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังทำให้สมาชิกสหกรณ์ขายผลผลิตได้ราคาสูงกว่าขายกับพ่อค้าทั่วไป

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว