เจนเนอเรชั่น 2 'โนบอดี้ ยีนส์' เดินเครื่องทะยานสู่บริษัทมหาชน

12 ก.พ. 2559 | 10:00 น.
โนบอดี้ ยีนส์ (NOBODY JEANS) เป็นที่รู้จักในตลาดเมืองไทยมากว่า 30 ปี และในวันนี้ถือเป็นยีนส์แบรนด์แรกๆของไทยที่ไปสร้างชื่อเสียงในตลาดอาเซียน โดยเฉพาะเมียนมา แม้ว่าปัจจุบันข่าวสารดูเหมือนจะห่างหายไปจากแวดวงแฟชั่นเมืองไทยบ้างก็ตาม แต่ที่ผ่านมาโนบอดี้ ยีนส์ ก็ยังคงมียอดจำหน่ายเติบโตอย่างต่อเนื่อง วันนี้การบริหารงานได้มาสู่ทายาทรุ่นที่ 2 "บุญจิรา คณารักษาพงษ์" เข้ามาช่วยดูแลและบริหารงานในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ยู เคเค อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย กางเกงยีนส์และเสื้อผ้าสำเร็จรูป ที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาดและการขาย แต่โจทย์สำคัญที่ได้รับมอบหมาย คือ การขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปสู่คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะวัยรุ่น การก้าวเข้าไปทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ และการบุกตลาดสร้างแบรนด์ในต่างประเทศให้ครอบคลุมในประเทศเอเชีย และสุดท้ายการเป็นบริษัทมหาชน ซึ่ง"ฐานเศรษฐกิจ" ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษทายาทรุ่นที่ 2 โนบอดี้ ยีนส์ ถึงทิศทางและการนำพาบริษัทไปสู่เป้าหมายดังกล่าว

[caption id="attachment_30735" align="aligncenter" width="345"] บุญจิรา คณารักษาพงษ์ บุญจิรา คณารักษาพงษ์[/caption]

 ผลการดำเนินงานโตต่อเนื่อง

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โนบอดี้ยีนส์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่เท่ากับช่วงก่อนปี 2540 ที่มีการเติบโตสูงสุด เติบโตปีละ 3-4 เท่าตัว ระยะหลังอาจจะเติบโตน้อยบ้าง แต่ยังเติบโต เพราะต้องยอมรับว่าการแข่งขันมีสูง ทั้งสินค้าแบรนด์ไทยและอินเตอร์แบรนด์ สิ่งที่ทำให้ยังคงรักษาการเติบโต คือ คุณภาพของสินค้า และราคาที่ผู้บริโภคเอื้อมถึง ราคาสินค้ามีตั้งแต่ราคาถูก 790-1,790 บาท
ปีนี้ประเมินสถานการณ์ยีนส์ว่ายังคงเติบโต แต่อาจจะไม่มาก เพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อ แต่ยีนส์ถือเป็นสินค้าที่สวมใส่ได้ตลอดทุกยุคสมัย แต่ละคนจะมียีนส์มากกว่า 1 ตัว และเทรนด์ของยีนส์ก็กลับมาใหม่เรื่อยๆ ซึ่งพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคปัจจุบันอาจจะเปลี่ยนแปลงไป โดยหันไปช่องทางออนไลน์มากกว่าที่ผ่านมา

 ขยายช่องทางเพิ่มยอดขาย

ปัจจุบันบริษัทมีช่องทางจัดจำหน่ายในประเทศรวม 22 แห่ง ได้แก่ ช่องทางเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน เดอะมอลล์ รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำในต่างจังหวัด และยังมีการจัดจำหน่ายในรูปแบบป๊อปอัพสโตร์อีกเดือนละ 10-15 แห่งเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งแต่ละครั้งจะใช้เวลาออกจำหน่ายสินค้า 7-10 วัน/แห่ง โดยในปีนี้มีแผนขยายช่องทางจัดจำหน่ายเพิ่มอีก 3 แห่ง ในพื้นที่ที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษกิจที่ดี ขณะที่การจัดการจำหน่ายสินค้าในรูปแบบป๊อปอัพสโตร์ยังจัดเป็นประจำทุกดือน เนื่องจากได้รับผลตอบรับที่ดี และมีต้นทุนการบริหารงานที่ต่ำ ในปีนี้ยังมีแผนขยายรูปแบบคีออสด้วยเช่นกัน แต่อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดหาพื้นที่

นอกจากตลาดในประเทศแล้ว ปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนจำหน่ายในประเทศเมียนมา ซึ่งมีร้านจำหน่ายสินค้า 13 แห่ง โดยดำเนินธุรกิจในเมียนมามานานถึง 10 ปีแล้ว และได้รับผลตอบรับที่ดีมียอดจำหน่ายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปีนี้จึงวางแผนขยายสาขาในต่างประเทศอย่างน้อย 1 แห่ง โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือกตัวแทนจำหน่าย ที่ขณะนี้มีเข้ามาติดต่อเพื่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายแล้วจากประเทศกัมพูชา และสปป. ลาว โดยบริษัทจะขยายตลาดต่างประเทศให้ครอบคลุมทุกประเทศในอาเซียน ทั้งเวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซีย เป็นต้น

[caption id="attachment_30736" align="aligncenter" width="500"] โนบอดี้ ยีนส์ (NOBODY JEANS) โนบอดี้ ยีนส์ (NOBODY JEANS)[/caption]

 เพิ่มช่องทางออนไลน์

ภายหลังจากที่ได้เข้ามารับผิดชอบการบริหารงานด้านการตลาด ภาระกิจสำคัญประการหนึ่งที่ได้รับมอบหมาย คือ การขยายตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ เนื่องจากเป็นช่องทางที่มีศักยภาพและโอกาสเติบโตสูง จากเทรนด์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทางดังกล่าว โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น ที่บริษัทมีนโยบายการขยายฐานกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งในช่วงปีกว่าที่ผ่านมาได้เริ่มทดลองจำหน่ายสินค้าผ่านเฟสบุ๊ค อินสตาแกรม ไลน์ และเว็บไซต์ขายสินค้าอย่างลาซาดา พบว่ายอดจำหน่ายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้จึงวางแผนที่จะพัฒนาระบบอีคอมเมิรซ์สำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทขึ้นมาโดยเฉพาะ

ช่องทางออนไลน์ได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี จึงเตรียมเปิดตัวอีคอมเมิร์ซแบบเต็มรูปแบบในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ขณะนี้มีอยู่ระหว่างการวางแผนและพัฒนา มีความคืบหน้าแล้ว 80% ระบบอีคอมเมิร์ซที่บริษัทเตรียมนำมาใช้ นอกจากเป็นเว็บไซต์จำหน่ายสินค้าแล้ว ผู้บริโภคยังสามารถหารายได้ในขณะเดียวกันด้วย ในลักษณะการเป็นแฟรนไชส์ออนไลน์ ซึ่งอยู่ระหว่างวางหลักเกณฑ์และเงื่อนไข การทำตลาดออนไลน์ครั้งนี้คาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มยอดจำหน่ายเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา 3 เท่าตัว เพราะปัจจุบันมูลค่าตลาดออนไลน์ใหญ่มาก และประเทศไทยกำลังจะมีระบบ 4จี และปัจจุบันลูกค้าสามารถซื้อสินค้าเสื้อผ้าได้โดยไม่ต้องทดลองสวมใส่ก่อน โดยบริษัทได้เตรียมทีมงานไว้ให้คำปรึกษาในการเลือกซื้อสินค้า และสามารถเปลี่ยนคืนสินค้าด้วย ปัจจุบันได้เซ็ตทีมออนไลน์ขึ้นมาโดยเฉพาะ มีทีมงาน 2 คน หลังเปิดตัวจะเพิ่มอีก 1-2 คน

 รีแบรนด์+ขยายฐานวัยรุ่น

แบรนด์โนบอดี้อยู่ในตลาดมานานกว่า 30 ปี ปัจจุบันฐานลูกค้ามีอายุเพิ่มมากขึ้นตามช่วงเวลา หลังเข้ามาบริหารงานเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา จึงมีโจทย์อีกข้อหนึ่งที่ต้องทำ คือ การขยายฐานลูกค้าของโนบอดี้ไปสู่วัยรุ่นคนรุ่นใหม่มากขึ้น ซึ่งเป็นคนที่มีอายุตั้งแต่ 18-27 ปี จากก่อนหน้าที่กลุ่มลูกค้าหลักเป็นคนวัยทำงาน อายุ 27-30 ปี ที่ปัจจุบันอายุกว่า 50 ปีแล้ว แนวทางการขยายตลาดไปสู่วัยรุ่น นอกเหนือจากการไปสู่ช่องทางออนไลน์แล้ว บริษัทเตรียมรีแบรนด์ของตนเองให้ดูทันสมัยและเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้นในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงการสร้างแบรนด์อะแวเนสทำให้ลูกค้ารับรู้ว่าแบรนด์โนบอดี้ยังทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการบ้างแล้ว ในด้านการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ รวมถึงการทำกิจกรรมการตลาดต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้

อย่างเร็วในช่วงปลายปีนี้คงจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ กับการปรับภาพลักษณ์ใหม่ จากช่วงก่อนหน้าที่ได้เริ่มปรับโลโก้ ภาพสื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์ที่จับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นมากขึ้น การจับกลุ่มลูกค้ายังผ่านสินค้าที่ตามเทรนด์แฟชั่นของโลกอยู่ตลอดเวลาด้วย ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นมีเพิ่มมากขึ้นหลังที่ได้เข้ามาทำตลาด จากเดิมมีสัดส่วน 5% ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 30% ในอนาคตคาดหวังสัดส่วนลูกค้าวัยรุ่นจะมีมากกว่าา 50% และรักษาสัดส่วนนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาฐานลูกค้าให้อยู่กับแบรนด์อย่างต่อเนื่องด้วย

 ดึงรุ่นซิกเนเจอร์รีเทิร์น

ในอดีตที่ผ่านมาโนบอดี้ ยีนส ์ มีสินค้ารุ่นที่ถือเป็นซิกเนเจอร์ ได้แก่ รุ่นแอสอัพ หรือรุ่นยกกระชับก้น และรุ่นซีเคร็ท หรือรุ่นที่เก็บหน้าท้อง ซึ่งทำให้ลูกค้ารู้จักและชื่นชอบแบรนด์โนบอดี้ จากการใช้ผ้าคุณภาพ แพทเทิร์น และเทคนิคการตัดเย็บที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ที่ผ่านมาสามารถมียอดจำหน่ายได้กว่าเดือนละหมื่นตัว ซึ่งบริษัทวางแผนนำสินค้ารุ่นดังกล่าวกลับมาทำตลาดอีกครั้ง โดยรุ่นแอสอัพเปิดตัวแล้วเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ส่วนรุ่นซีเคร็ทเตรียมเปิดตัวช่วงกลางปีนี้ บริษัทคาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี อย่างน้อยทำยอดจำหน่ายได้ไม่ต่ำกว่า 60% เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา เพราะว่าปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเป็นปกติ แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ตลอดเวลา แต่เชื่อว่าตลาดยีนส์ยังคงเติบโตไปได้ แต่อาจจะไม่หวือหวามากนัก

 เป้าหมายนำองค์กรสู่มหาชน

เป้าหมายในระยะยาว 3-4 ปีข้างหน้า ได้วางแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากต้องการขยายธุรกิจให้มีความแข็งแกร่ง และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยจะขยายตลาดไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดในเอเซีย เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนและพัฒนาแบรนด์ให้เติบโตต่อเนื่อง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,130 วันที่ 11 - 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559