“ม.หอการค้า-กกร.”ชี้ส่งออกเเละศก.ไทยครึ่งปีหลังขยายตัว

07 ส.ค. 2561 | 09:03 น.
“ม.หอการค้า-กกร.”ชี้ส่งออกเเละศก.ไทยครึ่งปีหลังขยายตัว

นายอัทธ์  พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้วิเคราะห์ทิศทางการส่งออกไทยทั้งปี2561 โดยคาดว่าจะมีมูลค่า 255,802 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 8.1 % แต่ชะลอตัวลดลงกว่าปี 2560 และคาดว่าส่งออกครึ่งปีหลังนี้ จะมีมูลค่า 129,990 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 5.5% โดยมีปัจจัยบวกที่เข้ามาสนับสนุน คือ เศรษฐกิจโลกยังเติบโต จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป , สหรัฐต่อสิทธิ GSPให้ไทย ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2561 ส่งผลให้ครึ่งปีหลังมีโอกาสส่งออกได้มากกว่าครึ่งปีแรกที่เสียภาษีในอัตราปกติ ค่าเงินบาทครึ่งปีหลังมีแนวโน้มอ่อนค่ามากขึ้น ขณะที่ปัจจัยลบ มีผลกระทบจากสงครามการค้า ค่าเงินในหลายๆ ประเทศเริ่มอ่อนค่า ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นส่งผลต่อต้นทุนในการผลิต ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ

add

อย่างไรก็ตามยังคงมีประเด็นที่ต้องติดตามในครึ่งปีหลัง เช่น สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม แผนการขึ้นภาษีรถยนต์ของสหรัฐ รวมถึงประเทศต่างๆในโลกมีมูลค่าการส่งออกที่สูงขึ้นเช่นเดียวกับไทย ส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาดโลกของไทยลดลง 0.02% รวมไปถึงกรณีที่อิหร่านถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์ภายในของไทย เช่น ผลจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของไทยด้วย

สำหรับทิศทางของเศรษฐกิจโลก ข้อมูลของเวิลด์แบงก์, IMF และ OECD มีความเห็นในทางเดียวกันว่า เศรษฐกิจโลกปี 2561 จะเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน ที่เติบโต 3.5 % แต่มีปัจจัยของสงครามการค้าได้ประเมินว่าจะมีผลต่อ GDP ของประเทศต่างๆ ตั้งแต่ 0.1-0.8 ขณะที่ไทยประเมินว่ามีผลกระทบค่อนข้างน้อย ประมาณ 18,000-20,000 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมกกร. วันนี้นายปรีดี ดาวฉาย ประธาน กกร. มีความเห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังรักษาแรงส่งของการเติบโตที่ดีได้ต่อเนื่อง จากแรงหนุนของการส่งออกและการท่องเที่ยว อีกทั้งมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัว และรายได้เกษตรกรที่กลับมาเป็นบวกติดต่อกันซึ่งจะช่วยประคองกำลังซื้อของฐานรากไม่ให้แย่ลง โดยรวมแล้ว จึงประเมินว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2561 จะขยายตัว 4.3-4.8%, การส่งออก คาดว่าจะเติบโต 7.0-10.0% และอัตราเงินเฟ้อคงจะอยู่ที่ 0.9-1.5% ซึ่งเป็นกรอบประมาณการเมื่อเดือนกรกฎาคมของ กกร.

ci

ในระยะข้างหน้า ยังคงต้องติดตามประเด็นเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะการตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งแม้ว่าในปีนี้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยยังมีจำกัด แต่ผลกระทบต่อการส่งออกของไทยอาจจะมีเพิ่มขึ้นในปีหน้าถ้าสหรัฐฯ เก็บภาษีจากจีนมากขึ้น ทั้งรายการสินค้าและอัตราภาษี รวมทั้งจะส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินในภูมิภาคให้ยังมีแนวโน้มผันผวนอ่อนค่าลงตามการอ่อนค่าของเงินหยวนด้วย

นอกจากนี้ ต้องติดตามสถานการณ์อุทกภัยในประเทศ ที่ ณ ขณะนี้ ปริมาตรน้ำในเขื่อนทั่วประเทศ อยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2554 อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น กกร. ประเมินว่า สถานการณ์น่าจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงเท่ากับมหาอุทกภัยเมื่อปี 2554 เนื่องจากปริมาตรน้ำในเขื่อนที่สูงนั้น อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันตกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แตกต่างจากในปี 2554 ที่ผลกระทบเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง ซึ่งเป็นแหล่งที่ตั้งของหลายนิคมอุตสาหกรรมเป็นหลัก รวมถึงการคาดการณ์จำนวนพายุที่จะเข้ามาในช่วงฤดูฝนที่เหลือของปีนี้ ที่น่าจะไม่มากเท่ากับในช่วงเดียวกันของปี 2554

e-book-1-503x62-7