เร่งศึกษานำเข้าLNG รับวิกฤติก๊าซอ่าวไทย

11 ส.ค. 2561 | 10:54 น.
กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ร่งจัดทำแผนจัดหาก๊าซรับวิกฤติก๊าซในอ่าวไทยหมด คาดชัดเจนหลังแผนพีดีพีเสร็จก.ย.นี้ เผยได้ศึกษา 2 พื้นที่ใหม่สร้างคลังที่ประจวบคีรีขันธ์ และ FSRU ที่อ.จะนะ จ.สงขลา

นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างจัดทำแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) ฉบับใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าหรือพีดีพี ที่จะแล้วเสร็จในช่วงเดือนกันยายนนี้ เพื่อรับมือกับวิกฤติ ก๊าซในอ่าวไทยที่จะขึ้นในช่วงปี 2565-2566 ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อการผลิตก๊าซในแหล่งเอราวัณและบงกช ภายหลังจากสัญญาเดิมสิ้นสุดลง  LNG

นอกจากนี้ ในปี 2571 ภายหลังจากแหล่งเอราวัณและบงกชดำเนินการผลิตครบ 10 ปีแล้ว มีความกังวลว่า ปริมาณก๊าซที่เหลืออยู่จะสามารถผลิตได้ในอัตราที่ต่อเนื่องหรือไม่ ดังนั้น จำเป็นต้องเร่งปริมาณการสำรวจหากก๊าซในแหล่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้น รวมทั้ง ต้องวางแผนในการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) เข้ามาทดแทนมากขึ้น

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา รัฐบาลได้อนุมัติการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเทอร์มินัลแอลเอ็นจีรองรับแล้ว ได้แก่ คลังแอลเอ็นจีระยะที่ 1 ของบมจ.ปตท. ที่มาบตาพุด รวมส่วนขยายเป็น 11.5 ล้านตันต่อปี ตามแผนจะแล้วเสร็จปี 2562, คลังแอลเอ็นจี ระยะที่ 2 ของ ปตท. 7.5 ล้านตันต่อปี จะแล้วเสร็จปี 2565, โครงการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยนํ้า (FSRU) บริเวณพื้นที่อ่าวไทยตอนบนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 5 ล้านตัน ตามแผนจะแล้วเสร็จปี 2567 และ FSRU ขนาด 3 ล้านตันต่อปี ที่เมียนมา ของ ปตท. ตามแผนจะแล้วเสร็จปี 2570 อย่างไรก็ตาม FSRU ที่เมียนมามีโอกาสขยายเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านตัน เนื่องจากทางเมียนมาต้องการใช้ร่วมด้วย

นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานมีแผนสำรอง ที่จะศึกษาการลงทุนคลังแอลเอ็นจีเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง เบื้องต้นศึกษา FSRU ที่อ.จะนะ จ.สงขลา ขนาด 2 ล้านตันต่อปี และคลังแอลเอ็นจี ที่จ.ประจวบคีรีขีนธ์ ขนาด 5 ล้านตันต่อปี ในช่วงปี 2573 นอกจากนี้ยังศึกษาคลังแอลเอ็นจีขนาด 5 ล้านตัน ซึ่งยังไม่ได้ระบุพื้นที่ในปี 2578 เพื่อรองรับปริมาณการนำเข้าแอลเอ็นจีที่อาจเพิ่มขึ้นมากในอนาคต

หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,390 วันที่ 9-11 สิงหาคม 2561 e-book-1-503x62