"สภาผู้ส่งออก-กลุ่มการ์เมนต์" ส่งเสียงเชียร์รัฐร่วมวง CPTPP ช่วยเพิ่มขีดแข่งขัน ชี้! ไทยได้มากกว่าเสีย ลดผลกระทบสงครามการค้า คาดเจรจาง่ายขึ้น หลังสหรัฐฯ ถอนตัว ... พาณิชย์ ระบุ ยังมีเวลาศึกษาผลดี-ผลเสียรอบด้าน มั่นใจ! รอบคอบก่อนเข้า
จากที่ประเทศไทยอยู่ระหว่างเตรียมการพิจารณาเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) หรือ TPP เดิม ที่สหรัฐฯ ประเทศผู้นำหลักได้ถอนตัวออกไปแล้ว ซึ่งในบางข้อบทของการเจรจา เช่น เรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ได้นำมาซึ่งความกังวลของหลายภาคส่วน เพราะไทยไม่เคยมีการเปิดตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ใด ๆ มาก่อน ขณะที่ ไทยหวังจะได้รับประโยชน์จากการเปิดตลาดการค้าบริการและการลงทุนและอื่น ๆ จากความตกลงนี้
น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือ สภาผู้ส่งออก เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ทาง สรท. เห็นด้วยในหลักการและสนับสนุนให้ไทยเข้าร่วมกลุ่ม CPTPP ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก 11 ประเทศ ประกอบด้วย แคนาดา เม็กซิโก ชิลี เปรู ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และบรูไน ทั้งนี้ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันส่งออกสินค้าและบริการ และดึงการลงทุนของไทย หากไม่เข้าร่วมจะเสียเปรียบเรื่องสิทธิประโยชน์และความร่วมมือด้านต่าง ๆ ที่ประเทศสมาชิกจะให้แก่กันแน่นอน
"ก่อนหน้าที่สหรัฐฯ ยังอยู่ใน TPP ไทยมีความกังวลเรื่องสิทธิบัตรยาและอุตสาหกรรมยา ที่เราต้องเปิดตลาดที่สหรัฐฯ ตั้งเงื่อนไขที่เข้มงวดมาก แต่เมื่อสหรัฐฯ ถอนตัว และประเทศที่เหลือตั้งกลุ่มใหม่ ในชื่อ CPTPP ความเข้มงวดในเรื่องนี้ก็ลดลงและผ่อนปรนมากขึ้น จึงเป็นโอกาสดีที่ไทยจะเข้าร่วม ส่วนข้อกังวลเรื่องจัดซื้อจัดจ้างไทย ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ต้องหารือกันถึงท่าทีในการเจรจา เพราะยังมีระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านและการเตรียมพร้อม หากไทยไม่เข้าร่วมจะเสียมากกว่าได้แน่นอน"
ด้าน นายสุกิจ คงปิยาจารย์ กรรมการที่ปรึกษา สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวว่า CPTPP เป็นความตกลงอีกหนึ่งกลุ่มใหญ่ที่ไทยจะได้ประโยชน์และต้องเร่งหาทางเข้าร่วม เพื่อให้ไทยคงความสามารถในการแข่งขันให้อยู่ในระดับเดียวกับมาเลเซียและเวียดนาม ที่เป็นคู่แข่งขันและเป็นสมาชิกของ CPTPP ขณะที่ การเข้าร่วมกลุ่มโดยที่ไม่มีสหรัฐฯ เข้าร่วมในเวลานี้ ถือเป็นโอกาสที่ดี เพราะเงื่อนไขความเข้มงวดเรื่องสิทธิบัตรยาและทรัพย์สินทางปัญญาจะลดความเข้มข้นลง ไทยจะเข้าร่วมได้ง่ายขึ้นหากไม่มีสหรัฐฯ ซึ่งการเข้าร่วมถือเป็นความจำเป็น เพราะเวลานี้ สงครามการค้าที่เปิดฉากโดยสหรัฐฯ ได้ส่งผลกระทบต่อการค้าโลก การรวมกลุ่มกันและค้าขายระหว่างกันมากขึ้นจะช่วยลดผลกระทบได้ โดยสินค้าเครื่องนุ่งห่มและอีกหลายกลุ่มสินค้าก็จะได้รับประโยชน์
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ความตกลง CPTPP คาดจะมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นปี 2562 ระหว่างนี้ไทยจึงมีเวลาที่จะศึกษาผลดีผลเสียอย่างรอบด้าน โดยกรมฯ พร้อมเปิดกว้างสำหรับทุกภาคส่วนในการเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น และจะนำผลการรับฟังความเห็น ตลอดจนผลการวิเคราะห์ของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและผลการศึกษาที่กรมฯ ให้สถาบันวิจัยที่เป็นหน่วยงานภายนอกช่วยดำเนินการ มารวบรวมเป็นข้อมูลเสนอรัฐบาลประกอบการตัดสินใจในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลง CPTPP ต่อไป
……………….
เซกชัน : การค้า-ลงทุน โดย นสพ.ฐานเศรษฐกิจ
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,390 วันที่ 9-11 ส.ค. 2561 หน้า 08
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
●
บทบรรณาธิการ : ค่าผ่านประตู CPTPP
●
‘พาณิชย์’ เจรจา CPTPP โปร่งใส เดินสายรับฟังความเห็นทั่วประเทศ