สาวปมวิกฤติเศรษฐกิจ-การเมือง ชนวนลอบสังหาร "ผู้นำเวเนซุเอลา"

… ความพยายามลอบสังหาร นายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา ด้วยการนำ โดรนบรรทุกระเบิดซีโฟร์ บินเข้าสู่บริเวณที่ประธานาธิบดีกำลังกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสวนสนามฉลองครบรอบ 81 ปี การก่อตั้งกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติในกรุงคาราคัส เมืองของหลวงประเทศ แม้ยังไม่พบสาเหตุแน่ชัด รวมทั้งตัวการที่อยู่เบื้องหลัง มีเพียงการกล่าวหาและสมมติฐานว่า อาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์และบ่อนทำลายโดยรัฐบาลโคลอมเบีย ประเทศเพื่อนบ้านของเวเนซุเอลา และสหรัฐอเมริกา หรืออาจจะเป็นความต้องการโค่นอำนาจประธานาธิบดีโดยพรรคฝ่ายค้าน แต่สิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นชัดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็คือ ปัญหาทางการเมืองภายในประเทศและวิกฤติเศรษฐกิจของเวเนซุเอลาที่ทวีความรุนแรง ใกล้ถึงจุดแตกหักเต็มที






เศรษฐกิจดิ่งเหว
การอพยพหนีออกนอกประเทศ มักจะพบเห็นกันในภาวะสงคราม หรือ ในประเทศที่มีการเข่นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่สำหรับเวเนซุเอลา การอพยพหนีออกนอกประเทศของประชาชนจำนวนหลายพันคนในแต่ละวัน เป็นการหลบหนีความยากลำบากทางเศรษฐกิจ ที่เข้าขั้นวิกฤติชนิดที่ชีวิตไม่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างปกติสุขอีกต่อไป

ประเทศที่เคยร่ำรวยจากทรัพยากรน้ำมัน กลับกลายเป็นประเทศที่รัฐบาลถังแตก ไม่มีเงินชำระหนี้ ไม่มีเงินจ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ โรงเรียนถูกปิด เพราะไม่มีเงินจ้างครู โรงพยาบาลปิดทำการ เพราะขาดแคลนยาและเวชภัณฑ์ สิ่งของจำเป็นเข้าไปโผล่ในตลาดมืด ราคาสูงลิ่ว ภาวะขาดแคลนขั้นสาหัสเกิดขึ้นกับทุกสิ่งที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในชีวิต อาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค ฯลฯ บริษัทต่างชาติปิดกิจการหอบทุนหนีออกนอกประเทศ ล่าสุด เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา คือ บริษัท เคลล็อกก์ ผู้ผลิตอาหารแปรรูปชื่อดังสัญชาติอเมริกัน ก่อนหน้านั้นที่ปิดโรงงานโยกย้ายออกไปแล้ว ได้แก่ คิมเบอร์-คลาร์ค และคอลเกต ปาล์มโอลีฟ และเมื่ออุปสงค์พุ่งแซงหน้าอุปทานหลายช่วงตัว อัตราเงินเฟ้อของเวเนซุเอลาก็พุ่งสูง สวนกับค่าเงินที่ร่วงลงจนไร้ราคา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่า เงินเฟ้อของเวเนซุเอลาจะพุ่งแตะ 13,000% ในปีนี้!!




ผู้อพยพทะลักนับล้าน
ผู้ที่ตัดสินใจอพยพหนีภาวะยากแค้นไปตายเอาดาบหน้าในประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง บราซิลและโคลอมเบีย มีจำนวนหลายพันคนในแต่ละวัน ในค่ายผู้อพยพที่ชายแดนบราซิลนั้น ชาวเวเนซุเอลาสามารถหาที่พักพิงชั่วคราวและหางานทำได้โดยถูกกฎหมาย แต่ในชายแดนฝั่งโคลอมเบีย สถานการณ์เลวร้ายกว่านั้นมาก รัฐบาลโคลอมเบียเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองผู้อพยพ ที่นับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2560 มาจนถึง มี.ค. ปีนี้ ทะลักเข้ามาแล้วกว่า 250,000 คน! และยังคงหลั่งไหลเข้ามาเรื่อย ๆ วันละ 3,000-4,000 คน ทางการโคลอมเบียไม่เพียงงดการออกวีซ่าชั่วคราวให้แก่ผู้อพยพชาวเวเนซุเอลา แต่ยังจับกุมและส่งกลับผู้ที่ไม่มีเอกสารสำคัญ เช่น หนังสือเดินทาง ฯลฯ เห็นได้ชัดว่า ไม่ต้องการเพิ่มภาระเกี่ยวกับผู้อพยพอีกต่อไปแล้ว




ข้อมูลจาก องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Migration : IOM) ชี้ว่า ภายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ มีชาวเวเนซุเอลาอพยพออกนอกประเทศแล้วเกือบ 1 ล้านคน โดยจำนวนผู้อพยพพุ่งสูงขึ้นมากในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา (2560) เมื่อวิกฤติเศรษฐกิจเข้าสู่ทิศทางดิ่งลงแบบกู่ไม่กลับ รัฐบาลยึดคืนบริษัทน้ำมันจากผู้ลงทุนจากต่างชาติและเอกชนกลับมาเป็นของรัฐ แต่ก็ไม่ได้ทำให้กิจการดีขึ้น การบริหารจัดการที่ผิดพลาดบวกกับภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เข้าสู่ช่วงขาลง ส่งผลให้เวเนซุเอลาขาดดุลงบประมาณอย่างหลุดรุ่ย รัฐบาลนิยมซ้าย ที่สนับสนุนนโยบายประชานิยมของประธานาธิบดีมาดูโร ไม่มีเงินในหน้าตักเพียงพอที่จะอุดหนุนสวัสดิการสังคม หรือแม้แต่จะจ่ายเงินเดือนเจ้าหน้าที่รัฐทั่วประเทศ ความเดือดร้อนทำให้ประชาชนอพยพหนีความแร้นแค้นสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ นักการเมืองฝ่ายค้านถูกขู่คุกคามและจับเข้าคุกมากขึ้น ๆ ทำให้มีจำนวนผู้หนีออกนอกประเทศเพื่อลี้ภัยทางการเมืองเพิ่มมากขึ้นด้วย

นักวิเคราะห์เชื่อว่า เหตุการณ์โดรนลอบสังหารเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (4 ส.ค.) เป็นเพียงปฐมบทของแผนโค่นอำนาจประธานาธิบดีมาดูโร ที่คงจะมีตามมาอีกหลายระลอกจากเหตุจูงใจ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง แม้ว่าหลังเกิดเหตุจะมีการกวาดล้างจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายคนแล้วก็ตาม แต่ถ้าความพยายามลอบสังหารในครั้งนี้เป็นยอดภูเขาน้ำแข็งที่โผล่มาให้เห็น ใต้น้ำลึกเย็นเยือกนั้นมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า น่ากลัวกว่ารออยู่ และก็เป็นไปได้ว่า ชาวเวเนซุเอลาเองจำนวนไม่น้อยก็อยากเห็นฉากจบนั้นไว ๆ เพื่อที่ชีวิตความเป็นอยู่อาจจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นกว่านรกบนดินในปัจจุบัน


……………….
รายงานพิเศษ โดย โต๊ะข่าวต่างประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● ตลาดกังวลส่งออกเวเนซุเอลาลดต่อเนื่อง หนุนราคาน้ำมันดิบขึ้น
● 'มะกัน' บด! เวเนซุเอลา คว่ำบาตรการเงิน