นายกฯย้ำวางโครงสร้างพื้นฐานเดินหน้าควบคู่ยุทธศาสตร์ชาติ

04 ส.ค. 2561 | 06:08 น.
นายกฯย้ำวางโครงสร้างพื้นฐานเดินหน้าควบคู่ยุทธศาสตร์ชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ว่า”นอกจากการเร่งแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่ได้กล่าวมา รัฐบาลยังได้ริเริ่มการปฏิรูปงานด้านอื่น ๆ เพื่อปรับโครงสร้าง และวางรากฐานที่สำคัญ ควบคู่ไปกับการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อวางเป้าหมาย และภาพในอนาคต ของประเทศ ผมขอยกตัวอย่างการปฏิรูปที่สำคัญนะครับ เพื่อให้ทุกท่านได้เห็นปัญหาที่สั่งสมมาในอดีต และสิ่งที่รัฐบาลพยายามจะปฏิรูปและสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ได้แก่

การปฏิรูปและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ทุกท่านคงทราบดีว่า ในช่วงที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยขาดความสมดุลเนื่องจากเราเน้นในเรื่องการพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก การกระจายรายได้ไปสู่ฐานรากยังไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในภาคการเกษตร ขาดการวางแผนการลงทุน ขาดการทำโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เป็นเวลาหลายสิบปี เมื่อรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศจึงมีนโยบายในการปรับสมดุลโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ แม้ว่าการส่งออกจะยังเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่การลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้า การสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ก็เป็นปัจจัยสำคัญนะครับ ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ช่วยให้ประเทศสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน รัฐบาลจึงได้ริเริ่มโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

โดยให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกับผลผลิตภาคเกษตรกรรม เช่น อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งจะช่วยให้สินค้าเกษตรมีมูลค่าสูงขึ้น ควบคู่ไปกับการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้นวัตกรรมชั้นสูง เช่น อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ดิจิทัล การแพทย์ครบวงจร นอกจากนี้การพัฒนาพื้นที่ EEC ยังก่อให้เกิด การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่หลายโครงการอีกด้วย

tuking

นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินงานด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน "ด้านคมนาคม" ที่จะเป็นรากฐานสำคัญให้กับการเจริญเติบโตในอนาคต อาทิ (1) ทางราง ภายในปี 2565 อีก 4 ปีข้างหน้า เราจะได้ใช้บริการโครงข่ายรถไฟระหว่างเมือง ที่ไม่ได้มีการลงทุนเป็นเวลากว่า 117 ปี นะครับ ซึ่งเมื่อดำเนินการทั้งหมดแล้ว ประเทศไทยจะมีรถไฟ "ทางคู่" เพิ่มขึ้นเป็น 3,528 กม. จากเดิมที่มีอยู่เพียง 358 กม. รถไฟความเร็วสูง ที่นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งทั้งเส้นทาง กทม.-นครราชสีมา โครงการรถไฟความเร็วสูง กทม.-เชียงใหม่ ระยะต่อไปนะครับ และโครงการ รถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบินหลักของประเทศ คือ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ในเรื่องของรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายเหนือนะครับ ก็คงต้องศึกษากันต่อไปนะครับ เพราะมีปัญหาในเรื่องของความคุ้มค่า คุ้มทุนด้วย ตอนนี้อย่างน้อยเราก็มี 1 เส้น ไปก่อนนะครับ รถไฟฟ้า กทม. และปริมณฑล ที่จะเพิ่มรถไฟฟ้าให้เป็น 11 เส้นทาง

(2) ทางถนน ได้มีการเชื่อมโยงฐานการผลิตที่สำคัญไปยังพื้นที่ต่างๆ และประเทศเพื่อนบ้านนะครับ มีทั้งการขยายเพิ่มทางหลวง 4 ช่องจราจร ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ทางพิเศษ 2 เส้นทาง พัฒนาทางหลวงชนบท เพื่อแก้ปัญหาจราจร เพิ่มสะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ เพิ่มสะพานข้ามหรือลอดอุโมงค์ทางรถไฟ เพื่อลดอุบัติเหตุและการสูญเสีย ที่เห็นเป็นประจำ

(3) ทางน้ำ เพิ่มท่าเรือน้ำลึก อีก 6 แห่ง จากเดิม 18 แห่ง พัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือมาบตาพุด รวมทั้งเพิ่มการเดินเรือเชื่อมพัทยา-หัวหิน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเล

และ (4) ทางอากาศ เพิ่มท่าอากาศยานเบตง รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินทั่วประเทศ ให้สามารถรองรับเที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 320,000 เที่ยวบินต่อปี และรองรับผู้โดยสารรวมทุกสนามบินมากขึ้น ราว 70 ล้านคนต่อปี

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการรองรับทางเศรษฐกิจด้านต่าง ๆ เพื่อเป็นการวางรากฐานและช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยนะครับ ให้สามารถปรับตัวยกระดับการดำรงชีวิต ในช่วงการจัดทำแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิรูปประเทศในหลายมิติ เช่น การเข้าถึงสินเชื่อและเงินทุนเพื่อการประกอบการและใช้จ่ายฉุกเฉิน มาตรการสนับสนุนผ่านการร่วมลงทุนการจัดตั้งศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือ SMEs ในการนำผลิตภัณฑ์ชุมชนเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือในเรื่องหนี้ อนุมัติให้พักชำระหนี้หรือขยายเวลาชำระหนี้ กว่า 10,000 ราย รวมถึงการจัดตั้ง "โครงการคลินิกแก้หนี้" เพื่อให้บริการประชาชนที่ไม่สามารถชำระหนี้กับสถาบันการเงินได้

ขณะเดียวกัน ก็มีการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างจริงจังนะครับ ซึ่งก็จะเป็นรากฐานที่จำเป็น ต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป ทั้งนี้ ผลงานจากการวางรากฐานการปฏิรูปด้านเศรษฐกิจ ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง การขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI เพิ่มขึ้น ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากช่วงเดียวกันของปี 2560 และมีมูลค่าเงินลงทุน 284,600 ล้านบาท การส่งออกใน 6 เดือนแรกของปีขยายตัวร้อยละ 11 และ จำนวนนักท่องเที่ยวครึ่งแรกของปี 2561 เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 จากครึ่งแรกของปีก่อนหน้า และทำให้คาดว่า GDP ของประเทศปี 2561 จะขยายตัวที่ประมาณร้อยละ 4.2 - 4.7

ในการปฏิรูปภาคการเกษตร ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สำคัญและเกิดขึ้นซ้ำซาก ต้นตอนหรือต้นเหตุของปัญหา คือการส่งเสริมการผลิตโดยการวางรากฐาน ไม่มีการบริหารจัดการผลผลิตที่ออกสู่ตลาด ที่ผ่านมา เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐ มักจะใช้มาตรการในการที่จะแทรกแซง บิดเบือนกลไกตลาด โดยการอุดหนุนราคา ซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดผลในเรื่องของการขาดทุนและสร้างภาระงบประมาณให้กับประเทศแล้ว ยังส่งผลให้เกษตรกรไม่มีความเข้มแข็ง ไม่มีการพัฒนาผลผลิตและคุณภาพ

ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนั้น รัฐบาลได้ใช้หลักการ"ตลาดนำการผลิต" โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มคุณภาพผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมถึงการบริหารจัดการราคาสินค้าเกษตรภายใต้กฎกติกาสากลให้กับเกษตรกร เช่น โครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว โครงการประกันภัยข้าวนาปี การบริหารจัดการอุปทานในตลาดข้าวทำให้ปัจจุบัน ราคาข้าวที่ขายได้กระเตื้องขึ้นจากเดิม อย่างต่อเนื่อง โครงการพักชำระหนี้เงินต้น และลดดอกเบี้ยให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง และการจัดที่ดินทำกินให้เกษตรกร ได้จัดที่ดินทำกิน ผ่านคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (คปจ.)

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการปรับเปลี่ยนการผลิตพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม โดยใช้แผนที่เกษตร (Agri-Map) นะครับ เข้ามาช่วย ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนการผลิต และ การรวมกลุ่มเกษตรกรผ่านการส่งเสริมการทำ "เกษตรแปลงใหญ่" รวมทั้ง การยกระดับมาตรฐานสินค้า เช่น มาตรฐาน GAP หรือ การพัฒนาสู่การทำเกษตรอินทรีย์ต่อไปนะครับ การเพิ่มช่องทางการค้าออนไลน์ ทั้งหมดนี้ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น มีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตัวเองได้โดย ไม่ต้องรอแต่ความช่วยเหลือของภาครัฐแต่เพียงอย่างเดียวนะครับ และไม่ต้องตกเป็นเครื่องมือของพ่อค้าคนกลาง โรงสี หรือนายทุน อย่างเช่นในอดีต เราต้องเปิดช่องทางนี้ขึ้นมาให้ได้นะครับของเกษตรกรเอง

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

การปฏิรูปด้านสังคมและความเหลื่อมล้ำที่ผ่านมานั้น ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำทางรายได้สูงมาก มีปัญหาในการเข้าถึงสวัสดิการและบริการ รัฐบาลให้ความสำคัญนะครับ กับการสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียมและเสมอภาคให้คนทุกกลุ่ม เริ่มตั้งแต่การดูแลประชาชนตั้งแต่วัยแรกเกิด โดยมอบเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูให้กับครอบครัวยากจน

โครงการจ้างงานเร่งด่วน การพัฒนาและเพิ่มเบี้ยยังชีพให้คนพิการและผู้สูงอายุ การจัดระเบียบและการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนขอทาน คนเร่ร่อนและไร้ที่พึ่ง การแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อยในชุมชนแออัดและการพัฒนาโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองนะครับ เราก็ต้องมีการพัฒนาให้กับข้าราชการเขาด้วย ที่อยู่อาศัยต่างๆ ก็ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นะครับ ต้องหาวิธีดำเนินการให้ได้ ข้าราชการก็เป็นส่วนสำคัญนะครับ ต้องดูแลไปด้วย

ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทย ที่ได้ริเริ่มโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อจะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ในการจับจ่ายซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและค่าเดินทาง นอกจากนี้ รัฐบาลยังมุ่งเน้นการสนับสนุนให้ประชาชน ชุมชน และภาคธุรกิจ ได้มีการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี สามารถประกอบอาชีพ ดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ ภายใต้โลกใหม่ ได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น เช่น โครงการอินเตอร์เน็ตหมู่บ้าน ที่จะเป็นฐานในการปรับตัวของชุมชน เข้าเป็นส่วนหนึ่งของการค้าขายออนไลน์ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสทางการค้า หรือการบริโภคในรูปแบบใหม่ ๆ หรือ supply chain นะครับ ห่วงโซ่ที่ว่านะครับ ที่จะเชื่อมโยงกับโลกให้มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งหมดนี้ เพราะรัฐบาลมุ่งมั่นที่จะดูแลประชาชนทุกคนให้มีความเข้มแข็ง และสามารถพึ่งพาตัวเองได้ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังนะครับ จากตัวอย่างการปฏิรูป 2 -3 เรื่อง ที่ผมได้กล่าวมานั้นจะเห็นว่าหลายเรื่องที่รัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงได้ ก็เป็นผลพวงมาจากความร่วมมือ ร่วมใจกันของทุกฝ่ายๆ ที่เกี่ยวข้อง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความร่วมมือจากภาคประชาสังคมและประชาชน ซึ่งกลไกความร่วมมือนี้ เป็นพื้นฐานสำคัญของคำว่า "ประชารัฐ" ที่รัฐบาลนี้ใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนนโยบายและงานที่สำคัญของรัฐบาล เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยหัวใจสำคัญของแนวทางประชารัฐ ก็คือ การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกคน เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับรู้และมีความเข้าใจถึงปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ ร่วมกันคิดและหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

นอกจากนี้ยังเป็นกลไกที่สำคัญในการช่วยตรวจสอบ ประเมินผล รวมถึงสะท้อนแนวคิดในการแก้ปัญหาจากทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วม เพราะว่าการริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ นั้น ย่อมมีปัญหา มีอุปสรรคในช่วงเริ่มต้นเป็นธรรมดานะครับ แต่เราทุกคนต้องกล้าเผชิญหน้ากับปัญหาเหล่านั้น แล้วก็นำปัญหาไปสู่การแก้ไข ใช้สติปัญญานะครับในการแก้ไข และพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีและยั่งยืนให้มากขึ้นด้วย “

e-book-1-503x62