ตลาดเด้งรับ Lamoon By Sarada นํ้าสลัดรสไทย 4เดือนโตเท่าตัว

08 ส.ค. 2561 | 11:30 น.
จากกระแสที่คนเริ่มหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น จึงเน้นแต่อาหารเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะสุภาพสตรีที่ต้องการรักษาหุ่น

ดังนั้นสลัดผักจึงเป็ทางเลือกต้นๆที่สาวๆสนใจมากเป็นพิเศษ แต่ก็ต้องการที่จะสรรหาน้ำสลัดที่มีรสชาติดี แปลก ใหม่ และสไตล์ไทยๆจึงจะถูกปาก ถูกใจ เช่นเดียวกับ น้อง “มิว” มนทิรา รอบคอบ เจ้าของซอสและน้ำสลัดแบรนด์ “Lamoon By Sarada” ที่โดยพื้นฐานเป็นคนชอบรับประทานสลัดมากอยู่แล้ว จนถึงขั้นเปิดร้านเป็นของตัวเองอยู่ในย่านมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญวิทยาเขตบางนา นานถึง 2 ปี ใช้ชื่อร้านว่า “ Sarada” ภาษาญี่ปุ่นแปลว่าสลัด จนมีฐานลูกค้าน่าพอใจระดับหนึ่ง

893
ต่อมาต้องมีเหตุเปลี่ยนแปลงในชีวิต เพราะต้องติดตามสามีซึ่งไปทำงานบริษัทรถยนต์ที่เมืองโตโยต้า ประเทศญี่ปุ่น อยู่นานถึง 3 ปี จึงใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์ที่ญี่ปุ่นเรียนรู้ในการทำนํ้าสลัดเพิ่มเติม บวกกับประสบการณ์ที่มีอยู่เป็นทุนเดิมในการทำนํ้าซอสและสลัด ปรับให้เป็นสูตรของตัวเอง

เมื่อเวลาผ่านไปอีกช่วง จนสุดท้ายสามีตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อกลับมาดูแลพ่อแม่ซึ่งอายุมาก และครอบครัวก็ตัดสินใจกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดจังหวัดลำปาง เลือกต่อยอดนวัตกรรมนนํ้าสลัดขึ้นมาเป็นอาชีพแบบจริงจังเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว
กระแสตอบรับดีเกินคาด

กำลังใจสำหรับผู้ประกอบการใหม่ที่หวังจะยึดเป็นอาชีพที่รักเริ่มมีมากขึ้น หลังพบว่า 4 เดือนแรกได้รับการตอบรับดีเกินคาดจากฐานลูกค้าเก่าและใหม่ที่นิยมนํ้าสลัดรสชาติไทยๆ จนมีออร์เดอร์เข้ามาจำนวนมาก ซึ่ง Lamoon By Sarada ตอบสนองกลุ่มเป้าหมายที่ส่วนใหญ่เป็นสุภาพสตรีด้วยนํ้าสลัดทีมีมากถึง 13 รส เช่น รสลาบ รสกะเพรา รสแกงเขียวหวาน รสผงกะหรี่ และนํ้าสลัดวาซาบิ ซึ่งรสเหล่านี้จัดอยู่ในกลุ่มยอดนิยมขายดีลำดับต้นๆ ด้วย

896

เรียกว่าในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาเสียงตอบรับกลับมาดีมาก ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากที่เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาไปเปิดบูธในงาน Smart SME Expo 2018 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานีด้วย โดยเห็นบรรยากาศ การเข้ามาที่บูธจำนวนมาก จากในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ ตั้งเป้าว่าจะมียอดขาย 200 หลอด ตอนนี้มีออร์เดอร์เพิ่มขึ้นเท่าตัวหรือราว 400 หลอด ในขนาดความจุ 200 มิลลิกรัม ในราคา 75 บาทต่อหลอด อีกทั้งยังมีลูกค้าที่เป็นร้านอาหารที่สนใจซื้อส่ง ซึ่งจะขายเป็นกิโลกรัมละ 180 บาท ตามออร์เดอร์ นอกจากนั้นจะมีแบบคัพ ขนาดความจุที่ 200 กรัม ขายในราคา 35 บาทต่อคัพ คำสั่งซื้อที่เข้ามาส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่กทม. เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา โคราช มั่นใจว่าอีกไม่กี่เดือนฐานลูกค้าจะครอบคลุมหลายจังหวัดมากขึ้น

โดยจุดเด่นของซอสและนํ้าสลัดแบรนด์ “Lamoon By Sarada” อยู่ที่รสชาติเข้มข้นแบบไทยๆ และใช้บรรจุภัณฑ์แบบพกพาสะดวก มีอายุการเก็บไว้ได้นานถึง 1-1 เดือนครึ่ง ที่สำคัญสามารถนำมารับประทานเป็นนํ้าจิ้มได้ เช่น หมูย่าง ทานกับนํ้าสลัดรสลาบได้ หรือนํ้าสลัดวาซาบิรับประทานคู่กับปูอัดได้ เป็นต้น

895

“มิว”เล่าว่าปัจจุบันยังไม่ได้เปิดขายหน้าร้าน แต่จะขายผ่านช่องทางโซเชียล อย่าง Facebook : www.facebook.com/lamoonbysarada/หรือทาง Line ID : zyj3441g และสามารถติดต่อสั่งตรงได้ที่ Tel : 09-7-040-5362, 095-529-3350
ปีหน้าเริ่มเปิดแฟรนไชส์-หน้าร้าน

ล่าสุด “Lamoon By Sarada” อยู่ระหว่างดำเนินการขออย. จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และขอเครื่องหมายฮาลาล เพื่อเป็นเครื่องหมายการันตีถึงคุณภาพสินค้า และเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะบุกตลาดต่างประเทศในอนาคต เพราะอยากให้ต่างชาติได้ลิ้มลองนํ้าสลัดรสชาติไทยๆ เมื่อพร้อมทุกอย่างแล้วคาดว่าภายในปีหน้าจะเริ่มขยายฐานโดยการเปิดแฟรนไชส์ก่อน และในช่วงปลายปีเดียวกันจะเริ่มเปิดหน้าร้านของตัวเอง ตามลำดับ
เน้นคุณภาพและความต่าง

อย่างไรก็ตามหลักคิดในการเข้ามาทำธุรกิจนํ้าสลัดนั้น มองว่าสิ่งแรกต้องเน้นที่คุณภาพ และสร้างจุดขายให้มีความแตกต่าง เนื่องจากตลาดนํ้าสลัดมีจำนวนมาก ต้องสร้างความต่างให้สามารถแข่งขันได้ อีกทั้งผู้บริโภคจะต้องได้ลิ้มรสชาตินํ้าสลัดได้หลากหลายมากขึ้น

ส่วนการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐโดยเฉพาะกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมนั้น ภาครัฐให้คำแนะนำเรื่องของการผลิตให้ได้มาตรฐาน เพื่อเป็นพื้นฐานในการต่อยอดธุรกิจภายในประเทศและต่างประเทศได้ อีกทั้งแนะนำให้เข้าร่วมงานอบรม หรือสัมมนาของกระทรวงต่างๆจากภาครัฐ-เอกชน เพื่อจะได้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพและรับทราบข้อมูลข่าวสารได้ทันต่อสถานการณ์
สัมภาษณ์โดย : งามตา สืบเชื้อวงค์

หน้า 13 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3389 วันที่ 5-8 สิงหาคม 2561

e-book-1-503x62