พีทีจีซื้อหุ้นท่อส่งน้ำมันFPT อัดงบ2.2พันล้านขยายปั๊ม

10 ก.พ. 2559 | 00:00 น.
พีทีจี รุกสู่ธุรกิจโลจิสติก เข้าซื้อหุ้นท่อส่งน้ำมันเอฟพีทีในสัดส่วน 9.55 % และเข้าลงทุนในเอเอ็มเอ ขนส่งสินค้าเหลวทางทะเลอีดก 32 % รวมกันใช้เงินลงทุนไปกว่า 1 พันล้านบาท ขณะที่ปีนี้ตั้งงบลงทุน 2.2 พันล้าบาท ลุยขยายปั๊มอีก 350 แห่ง ตั้งเป้าให้ได้ 1.5 พันแห่งให้เสร็จภายในปีนี้ หวังดันยอดขายน้ำมันสำเร็จรูปเติบโต 30-40 % จากการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือพีทีจี เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจน้ำมันในปีนี้ว่า เมื่อเร็วๆ ทางคณะกรรมการบริหารได้อนุมัติให้บริษัทเข้าไปซื้อหุ้นในบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัดหรือเอฟพีที ที่ดำเนินธุรกิจการขนส่งน้ำมันและคลังน้ำมัน ในการให้บริการน้ำมันทางอากาศยาน และน้ำมันภาคพื้นดินผ่านระบบท่อในสัดส่วน 9.55 % มูลค่า 398 ล้านบาท ซึ่งการซื้อหุ้นดังกล่าวถือว่าพีทีจีได้ขยายการดำเนินงานเข้าสู่ธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานด้านการขนส่งน้ำมันไปยังคลังน้ำมันและสถานีบริการน้ำมันทางภาคเหนือที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี

นอกจากนี้ ยังได้เข้าลงทุนในบริษัท อาม่า มารีน หรือเอเอ็มเอ ในสัดส่วน 32 % ใช้เงินลงทุน 622 ล้านบาท ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางทะเล และทางบก ที่มีการเติบโตสูง และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่บริษัท ซึ่งจะสามารถช่วยบริหารจัดการต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพด้านขนส่งให้ดียิ่งขึ้น โดยทั้ง 2 ส่วนนี้รวมเงินลงทุนที่จะต้องใส่ไปในปีนี้ 1.02 พันล้านบาท

อีกทั้ง บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรเกี่ยวกับแผนการลงทุนโครงการโรงงานเอทานอล ขนาด 2 แสนลิตรต่อวัน ที่อยู่ระหว่างการเจรจาที่จะเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 50-60 % ใช้เงินลงทุนโครงการราว 1.5 พันล้านบาท และการตั้งโรงานปาล์มน้ำมัน ที่จะถือหุ้นราว 40 % ในการผลิตน้ำมันปาล์มดิบใช้ในการบริโภค 2 แสนลิตรต่อวัน และผลิตเป็นไปโอดีเซล 4.5 แสนลิตรต่อวัน ที่จะต้องใช้เงินลงทุนทั้งโครงการราว 4.8 พันล้านบาท ที่คาดวาจะเปิดดำเนินการได้ในปี 2561 ทำให้มีรายได้เข้ามาประมาณ 600-700 ล้านบาทต่อปี

นอกจานี้ ยังอยู่ระหว่างติดตามการเปิดประมูลโรงไฟฟ้าขยะ หากระทรวงพลังงานเปิดประกาศในส่วนนี้ บริษัท ก็จะจัดสรรเงินเข้าลงทุน โดยวางเป้าหมายโรงไฟฟ้าขยะไว้ที่ภาคใต้ไว้ 100 เมกะวัตต์ ในช่วงระยะเวลา 3 ปี ซึ่งการเข้าลงทุนดังกล่าว เชื่อว่าจะส่งผลให้บริษัทมีกลุ่มธุรกิจที่แข็งแกร่งและครอบคลุมด้านการให้บริการพลังงานแบบครบวงจร

นายพิทักษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนแผนการลงทุนในธุรกิจน้ำมันปีนี้ได้จัดสรรไว้จำนวน 2.2 พันล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการขยายสถานีบริการน้ำมันจำนวน 350 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 1.115 พันแห่ง เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทวางแผนไว้ที่จะมีสถานีบริการน้ำมันให้ครบ 1.5 พันแห่งภายในปีนี้ ส่วนอีก 300 ล้านบาทจะใช้ในธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน เช่น ขยายร้านมินิมาร์ท และร้านกาแฟ เป็นต้น อีกทั้ง จะใช้เงินลงทุนสำหรับการขยายสถานีบริการแอลพีจี อีก 50 แห่ง ใช้เงินลงทุนราว 250 ล้านบาท จากปัจจุบันมีอยู่ 21 แห่ง

โดในในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าหมายยอดการขายน้ำมันสำเร็จรูปจะเพิ่มขึ้น 30-40 % จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงค่อนข้างมาก ส่งผลให้มีการบริโภคน้ำมันมากขึ้น และมาจากมีการขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้น

"ในส่วนของผลการดำเนินงานของไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา และทั้งปี 2558 นั้น ตัวเลขอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลงต่อเนื่องตามราคาน้ำมันตลาดโลก แต่บริษัทสามารถบริหารความเสี่ยงดังกล่าวได้เป็นอย่างดี โดยยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 21% จากปีก่อน ปัจจัยหนึ่งมาจากการที่เรามีสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้น และยอดขายต่อสถานีบริการก็เติบโตขึ้น"นายพิทักษ์ กล่าว

Photo : PTT

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,129 วันที่ 7 - 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559