อวดโฉม‘CryptoATM’ตู้แลกเปลี่ยนเงินดิจิตอล
คอยน์แอสเซท เผยโฉมตู้เอทีเอ็มเงินสกุลดิจิตอล Crypto ATM ตู้แรกในไทย เจาะกลุ่มนักลงทุนตลาดหุ้น-ซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยน เข้าถึงเงินดิจิตอลได้ง่ายขึ้น ชี้ข้อดีรองรับเงินหลายสกุล คาด 2 เดือนพัฒนาซื้อขาย-แลกเปลี่ยนแบบเรียลไทม์
นายศิวนัส ยามดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท คอยน์ แอสเซท จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์กลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินดิจิตอล เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าบริษัทได้เผยโฉมเอทีเอ็มเงินดิจิตอล “Crypto ATM” ตู้แรกของเมืองไทย ในงาน Hybrid Summit 2018 งานรวมพลคนบล็อกเชนระดับแนวหน้าจากทุกภูมิภาคซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดในปีนี้ โดยเอทีเอ็มเงินดิจิตอลดังกล่าว สามารถเเลกเปลี่ยนซื้อขายเงินสกุล BitCoin (BTC), Ether (ETH), LiteCoin (LTC) เเละ Bitcoin Cash (BCH) โดยต่อไปจะเพิ่มสกุลเงินที่ใช้เเลกเปลี่ยนขึ้นตามความนิยมของผู้ใช้งาน
ทั้งนี้ตู้เอทีเอ็มเงินดิจิตอล สามารถทำธุรกรรม ซื้อขายเงินดิจิตอลได้ในมูลค่าเริ่มต้น 100 บาท โดยการซื้อขายสามารถทำผ่านตู้ได้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถถอนเงินดิจิตอล ออกมาในรูปเเบบเงินบาทได้ด้วย โดยหน้าจอของตู้เป็นระบบจอสัมผัส (Touch Screen) ซึ่งระบบของตู้มีความแม่นยำและความเสถียรในการใช้งานสูง เมื่อทำธุรกรรมเรียบร้อยเเล้วจะได้รับสลิป เพื่อเป็นการยืนยันการทำธุรกรรมอีกด้วย
“แนวคิดในการพัฒนาตู้เอทีเอ็มเงินดิจิตอลขึ้นมา เพราะเราเล็งเห็นว่ามีผู้สนใจลงทุนในเงินสกุลดิจิตอลเป็นจำนวนมาก ทั้งกลุ่มนักลงทุนในหุ้น หรือซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยน แต่ช่องทางการเข้าถึงเงินสกุลดิจิตอลมีเพียงเว็บไซต์เท่านั้น เราจึงมองหาช่องทางให้นักลงทุนเหล่านี้การเข้าถึงได้ง่าย โดยนำตู้เอทีเอ็มเงินดิจิตอลเข้ามาให้บริการ”
“เบื้องต้นตู้เอทีเอ็มดังกล่าวนั้นนำเข้าจากต่างประเทศ โดยนำเข้ามาปีนี้ประมาณ 3 ตู้ มูลค่าลงทุนประมาณ 500,000 บาท ซึ่งจะดำเนินการติดตั้งตู้ดังกล่าวในสนามบิน โดยขณะนี้เจรจากับสนามบินเชียงใหม่แล้ว ส่วนสุวรรณภูมิ และดอนเมือง อยู่ระหว่างการติดต่อเข้าไป นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการติดต่อเพื่อขอใบอนุญาตบริการกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.”
ทั้งนี้ข้อดีของตู้เอทีเอ็มเงินดิจิตอลดังกล่าวคือ สามารถซื้อขายเงินดิจิตอลได้หลากหลายสกุล อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังใช้ระยะเวลาการทำธุรกรรมนาน โดยเฉลี่ยอยู่ประมาณ 10-15 นาที โดยใน 2 เดือนข้างหน้าบริษัทจะพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบหลังบ้าน ให้สามารถทำธุรกรรมได้แบบทันทีทันใด หรือ เรียลไทม์ นอกจากนี้ยังมองการต่อยอดพัฒนาตู้เอทีเอ็มเงินดิจิตอลดังกล่าวให้สามารถรองรับการทำธุรกรรมใช้เงินสกุลดิจิตอลซื้อขายสินค้า โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณต้นปีหน้า ขณะเดียวกันหากเครื่องดังกล่าวเป็นที่ยอมรับบริษัทจะหาซัพพลายเออร์ผลิตตู้ดังกล่าวในประเทศเพื่อลดต้นทุน
หน้า 18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,388 วันที่ 2-4 สิงหาคม 2561