ไขกลยุทธ์ท่องเที่ยวปี 62!! ปั๊มรายได้ตลาดต่างชาติแตะ 2.3 ล้านล้าน

03 ส.ค. 2561 | 04:11 น.
030861-1547

การปรับเพิ่มเป้าหมายการท่องเที่ยวในปี 2562 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จาก 3.41 ล้านล้านบาท เป็น 3.46 ล้านล้านบาท เติบโต 11.5%
 ตามมติของบอร์ด ททท. เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2561 จากเป้าหมายดังกล่าวเป็นการขับเคลื่อนการสร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศสูงถึง 2.3 ล้านล้านบาท เติบโต 12%

"จีน-อินเดีย-รัสเซีย" พุ่ง!
ล่าสุด ททท. ได้แยกเป้าหมายออกเป็นรายภูมิภาค พบว่า ในปีหน้า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกมีเป้าหมายสร้างรายได้สูงสุด คือ ราว 1.32 ล้านล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยวจีนเป็นเรือธง ในการสร้างรายได้สูงสุดกว่า 7.33 แสนล้านบาท ขยายตัว 12.45% จากแนวโน้มที่คาดว่าจะมีคนจีนเดินทางมาเที่ยวไทย 12.3 ล้านคน ถือว่าเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากที่สุดของไทย ซึ่งเป็นการเติบโตตามสภาพตลาด และนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอาเซียน ที่คาดว่าจะมาเที่ยวไทย 10.8 ล้านคน สร้างรายได้ 3.45 แสนล้านบาท


mp22-3388-a

ตามมาด้วยภูมิภาคยุโรป ที่คาดว่าจะสร้างรายได้ 5.91 แสนล้านบาท โดยตลาดที่เติบโตมาก คือ รัสเซีย คาดว่าสร้างรายได้ 1.47 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.11% จากจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซีย 1.75 ล้านคน และจากสหราชอาณาจักร 1.02 ล้านคน สร้างรายได้ 8.56 หมื่นล้านบาท

ส่วนภูมิภาคอเมริกา นักท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกาขยายตัวสูงสุด คาดว่าอยู่ที่ 1.14 ล้านคน สร้างรายได้ 9 หมื่นล้านบาท

สำหรับภูมิภาคที่มีการเติบโตของรายได้มากที่สุด คือ เอเชียใต้ เติบโต 15.32% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวอินเดีย ที่คาดว่าจะมาเที่ยวไทยถึง 1.65 ล้านคน สร้างรายได้ 7.97 หมื่นล้านบาท


5 สนง. รุกเจาะ "จีนไฮเอนด์"
ทิศทางการทำตลาดของสำนักงานต่างประเทศของ ททท. ในปีหน้า นอกจากการพยายามขายการท่องเที่ยวในเมืองรองของไทยแล้ว คีย์เมสเสจสำคัญ คือ การโฟกัสตลาดคุณภาพ ภายใต้การเพิ่มค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวที่ต้องขยายตัวไม่น้อยกว่า 4% นั่นเอง

เริ่มจากตลาดในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะตลาดจีน การทำตลาดของสำนักงานในจีนทั้ง 5 แห่ง ต่างเน้นเจาะกลุ่มลักชัวรีในทุกเซ็กเมนต์

นางอัญชลี คุ้มวงษ์ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานปักกิ่ง (เมืองปักกิ่ง, เทียนจิน, เหอหนาน) กล่าวว่า โฟกัสกลุ่มเวลเนสและกลุ่มที่ไปรักษาพยาบาลในต่างประเทศ ซึ่งจะเน้นร่วมมือกับออนไลน์แพลตฟอร์มในจีน กระตุ้นให้มาไทย เนื่องจากในปี 2560 มีคนจีนไปรักษาพยาบาล ตรวจสุขภาพ เสริมความงามในต่างประเทศ ถึง 80 ล้านคน เพิ่มขึ้น 12% และปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 100 ล้านคน ประกอบกับด้วยเทคโนโลยีการรักษาของโรงพยาบาลของไทย ทั้งค่าใช้จ่ายยังถูกกว่าโรงพยาบาลในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ เมืองไทยจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความสนใจ

นายเลิศชาย หวังตระกูลดี ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งคนมีรายได้สูงสุดในจีน กล่าวว่า ในปีหน้า ททท. จะเน้นทำตลาดกับสายการบินไชน่าอีสเทิร์น กระตุ้นให้มาเที่ยวไทย โดยโฟกัสกลุ่มผู้ถือบัตรเครดิตของธนาคาร ICBC ที่เป็นบัตรทองและแพลทินัม ซึ่งมีอยู่ราว 33 ล้านคน และการนำเสนอขายแพ็กเกจราคาสูง เชื่อมเมืองหลัก เมืองรอง และชุมชน ที่จะเป็นการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้นำร่องขายแพ็กเกจนี้ในภาคเหนือ พบว่า สามารถดันราคาขายได้สูงถึง 7 พันหยวน (ราว 3.5 หมื่นบาท) จากปกติที่ขายแพ็กเกจทั่วไปจะอยู่ที่ราว 1 พันหยวน (ราว 5 พันบาท)

ขณะที่ ทางฝั่งภาคใต้ของจีน นางอินทิรา วุฒิสมบูรณ์ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานกวางโจว กล่าวว่า เน้นโปรโมตให้เศรษฐกิจจากกวางตุ้งมาเที่ยวไทย ภายใต้โครงการ Thailand Best Short Haul Luxury Destination โดยทำจอยต์โปรโมชันร่วมกับออนไลน์ อาทิ Ctrip และออฟไลน์

ด้าน น.ส.พรนันท์ สัณหจันทร์ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานคุนหมิง กล่าวว่า การทำตลาดในปีหน้าจะเน้นกลุ่มครอบครัว กลุ่มมิลเลนเนียล การร่วมมือกับ 10 เวดดิ้งสตูดิโอในจีน นำเสนอการจัดงานแต่งงานในไทย และการจัดคาราวานท่องเที่ยวในเส้นทาง R3A อย่างต่อเนื่อง

นายจรัญ ชื่นในธรรม ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเฉิงตู ซึ่งเป็นเมืองที่ไม่ติดทะเล กล่าวว่า ก็จะเน้นขายทะเลในไทยและการขายเมืองรอง เพื่อทำให้เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยว เช่น สุโขทัย เชียงราย เกาะช้าง การเจาะเซ็กเมนต์ฮันนีมูน ซึ่งในปีที่แล้ว ไทยเป็นอันดับ 1 การเดินทางมาฮันนีมูนในต่างประเทศ การเจาะกลุ่มสปอร์ต ทัวริซึม กอล์ฟ ดำน้ำ , กลุ่มเมดิคัล และเน้นทำตลาดเจาะกลุ่มที่มีรายได้หลังหักภาษีแล้วอยู่ที่ 2 หมื่นหยวนต่อเดือน (ราว 1 แสนบาท)


"อเมริกา-ยุโรป" เที่ยวเมืองรอง
สำหรับตลาดระยะไกล อย่าง สหรัฐอเมริกา นายกิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานลอสแองเจลิส กล่าวว่า ในปีหน้าจะเน้นการขายในระดับกลางถึงไฮ โดยการทำคอนซอร์เตียมร่วมกับ 2 บริษัทมาร์เก็ตติ้งแพลตฟอร์มของอเมริกา คือ Virtuoso และ Signature กระตุ้นให้เกิดการเดินทางมาเที่ยวไทย การเจาะกลุ่มผู้หญิง ขายเรื่องเวลเนสของไทย และการขายความเป็นฮันนีมูน เดสติเนชัน การเจาะกลุ่มมิลเลนเนียล เพื่อสร้างนักท่องเที่ยวเฟิร์สวิสิตเข้าไทย การขายเชื่อมเมืองหลักและเมืองรอง อย่าง เชียงใหม่-ลำพูน-ลำปาง เส้นทางชุมพร เกาะเต่า-เกาะพะงัน-เกาะสมุย

ขณะเดียวกัน ยังเน้นเจาะกลุ่มนิชมาร์เก็ต โดยได้ร่วมมือกับสนามกอล์ฟที่ Aspen โคโลราโด นำเสนอแพ็กเกจตีกอล์ฟที่ภูเก็ตและหัวหินแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่จะมี 40 คน เดินทางเข้ามาตีกอล์ฟ ที่จะเป็นการใช้บริการชาร์เตอร์ไฟลต์ทั้งหมด ราคากว่า 2 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ (ไม่รวมเที่ยวบินระหว่างประเทศ) ที่จะเดินทางมาไทยในปีหน้า

ด้าน ตลาดยุโรป ในปีหน้าจะเน้นขยายตลาดการท่องเที่ยวในกลุ่มเฟิร์สวิสิต โดยเน้นไปทำตลาดในพื้นที่รอง โดย น.ส.วรภา อังคศิริสรรพ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานปารีส กล่าวว่า จะเน้นทำตลาดในพื้นที่รองของปารีส เช่น นีซ , ลียอง , บอร์โด เนื่องจากไฟลต์บินของสายการบินแถบตะวันออกกลางเข้าไปบินเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการเชื่อมโยงการเดินทางได้สะดวก การโปรโมตการท่องเที่ยวเชิงอาหาร โดยทำงานร่วมกับเชฟมิชลินที่อยู่ในเทสต์ออฟปารีส และการขายการท่องเที่ยวเมืองหลักเชื่อมเมืองรอง เช่น เชียงใหม่-ลำปาง-เชียงราย

"อาหรับ-ออสซี่" เจาะเซ็กเมนต์
ในด้านตลาดตะวันออกกลาง นายพิชยา สายแสงจันทร์ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานดูไบ กล่าวว่า จะเน้นการทำตลาดใน 3 เซ็กเมนต์ ได้แก่ ผู้หญิง , ครอบครัว และเมดิคัล ทัวริซึม และจุดสำคัญจะเน้นการขายที่ตรงกับช่วงโลว์ซีซันของไทย

ในส่วนภูมิภาคโอเชียเนีย “รุจิรัศมิ์ ฉัตรเฉลิมกิจ” ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานซิดนีย์ เผยว่า นอกจากภูเก็ตก็จะเน้นขายจังหวัดอื่น ๆ ในแถบอันดามัน และฝั่งทะเลอ่าวไทย รวมถึงการวางแผนทำการตลาดร่วมกับสายการบินที่บินตรงจากเมืองรองในออสเตรเลียเข้าไทย เช่น แอดิเลด , โฮบาร์ต , ดาร์วิน ซึ่งเมืองเหล่านี้มีสายการบิน อย่าง สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส , สกู๊ต , มาเลเซียแอร์ไลน์ส ที่แวะพักในเมืองหลวงของอาเซียน แล้วการโปรโมตบินต่อเข้าไทยทำได้สะดวก และในปีหน้าก็จะมีรายการมาสเตอร์เชฟ ออสเตรเลีย ยกทีมมาจัดรายการในไทย ก็จะทำให้การโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวไทยไปกว่า 140 ประเทศ ทั้งหมดล้วนเป็นการทำตลาดที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า


บิ๊ก ททท. ชู 5 แนวทาง รุกทัวริสต์
แผนการขับเคลื่อนรายได้จากตลาดต่างประเทศในปี 2562 ซึ่งในระดับนโยบายผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้มอบหมายให้สำนักงานในต่างประเทศทั้ง 29 แห่ง โฟกัสใน 2 เรื่องหลัก ภายใต้การดำเนินงานใน 5 แนวทาง


599244611

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การส่งเสริมตลาดต่างประเทศในปีหน้า จะต้องสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่อง ที่ต้องเน้น 2 เรื่อง คือ 1.การทำให้ไทยเป็น One of the World Quality Leisure Destination , 2.การทำการตลาดโดยเน้นกลุ่มเป้าหมาย หรือ เซ็กเมนต์ กระตุ้นให้เกิดการเดินทางจริง โดยในปี 2562 การสื่อสารจะนำเสนอให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาค้นพบประสบการณ์ท้องถิ่นที่ยูนิคและมีหลายแง่มุมในไทย หรือ "The Millions of Hidden Shades"

โดยจะมี 5 แนวทาง ในการส่งเสริมตลาดต่างประเทศ ได้แก่ 1.Go Local อยากจะเห็นสำนักงาน ททท. ทั้ง 29 แห่ง ในต่างประเทศ ขาย 1 เมืองรอง ที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานในประเทศ ซึ่งการเลือกพื้นที่ขายต้องเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ดูจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเป็นหลัก 2.Go High-End เน้นกลุ่มเป้าหมายกำลังซื้อสูง เน้นการเพิ่มค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอีก 4% โฟกัสตลาดลักชัวรี-นิชมาร์เก็ตเพิ่มขึ้น ซึ่งตลาดนี้เราต้องยอมรับความจริงว่า เขายังเที่ยวอยู่ในเมืองหลัก 3.Go New Customer เพราะที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวไทยจะเป็นกลุ่มมาซ้ำ การทำงาน คือ ไม่ใช่แค่หานักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ แต่ยังต้องดูมิติในเรื่องพื้นที่ เพราะแม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเก่า แต่ก็ต้องการลูกค้ากลุ่มใหม่ด้วย

แนวทางที่ 4 Go Low Season วันนี้เรารู้กันดีว่า ไทยมีข้อจำกัดเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานในการรองรับนักท่องเที่ยว สำนักงาน ททท. ในต่างประเทศ ต้องเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการให้น้ำหนักในการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางเข้ามาช่วยโลว์ซีซันมากขึ้น และ 5.Go Digital นั่นคือ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ทันสมัย เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย การมีบิ๊กดาต้าที่มีประสิทธิภาพจะทำให้เกิดประสิทธิผลในการทำงานได้ ผมบังคับให้สำนักงานต่าง ๆ อย่างน้อยต้องทำ 1 โครงการในเรื่องนี้ เพื่อเข้าสู่ยุค 4.0 ให้ได้

นอกจากนี้ ในปีหน้ายังได้มอบนโยบายแนวทางในการจัดทำโครงการต่าง ๆ ของ ททท. ไว้ว่า ต้อง "Think Bigger" เปลี่ยนวิธีคิดการจัดงานแบบ Event Base ให้เป็น Impact Base ซึ่งนอกจากมิติด้านการตลาดแล้ว ต้องดูด้านซัพพลายไซต์ ดูเรื่องการนำท่องเที่ยวเข้าไปลดความเหลื่อมล้ำ สนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนและเมืองรอง ดูเรื่องสมดุลสิ่งแวดล้อมด้วย ผมไม่ได้ต้องการแค่นับจำนวนคน หรือ จำนวนการสร้างการรับรู้ในแต่ละกิจกรรม แต่ต้องการทำแล้วคิดถึงอิมแพ็กต์ว่า กิจกรรมที่ทำสร้างประโยชน์ไปสู่ฐานรากอย่างไร และเมื่อมีผู้ได้ประโยชน์จะมีแนวทางดำเนินการอย่างไรกับผู้เสียประโยชน์ จุดเหล่านี้เป็นตัวชี้วัดความคุ้มค่า และประสิทธิภาพของการใช้งบประมาณ

ทั้งจะต้องเพิ่มเติมเรื่องของธรรมาภิบาล การดำเนินการต่าง ๆ ต้องสร้างความโปร่งใส พร้อม ๆ กับการสร้างนวัตกรรมใหม่ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ , สินค้า , การส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยว , การสร้างความรับผิดชอบให้เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ และการทำองค์กรให้มีประสิทธิภาพ ที่ต้องเน้นหนักเรื่องการพัฒนาคน


……………….
รายงานพิเศษ เซกชัน : ท่องเที่ยว โดย ธนวรรณ วินัยเสถียร

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,388 วันที่ 2-4 ส.ค. 2561 หน้า 22

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
เอ็นซิสเท็กส์ เปิดตัว “เวคโทธอร์ อินทูแคร์” นวัตกรรม “กำจัดยุงลาย” เจาะท่องเที่ยว
ครึ่งปีท่องเที่ยวขยายตัว12.46%รายได้กว่า1.01ล้านล้านจีนมามากที่สุด



e-book-1-503x62