นายกฯชี้เร่งพัฒนาราชธานีเจริญศรีโสธรเพื่อประโยชน์ปชช.

28 ก.ค. 2561 | 07:02 น.
นายกฯชี้เร่งพัฒนาราชธานีเจริญศรีโสธรเพื่อประโยชน์ปชช.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ว่า” การเดินทางไปตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 หรือ กลุ่มจังหวัดราชธานีเจริญศรีโสธร ประกอบด้วย จังหวัดอุบลราชธานี - อำนาจเจริญ - ศรีสะเกษ และจังหวัดยโสธร เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารราชการแผ่นดินที่เราจำเป็นต้องลงพื้นที่ เพื่อติดตาม ประเมินผลการขับเคลื่อนในระดับปฏิบัติ แต่ละภูมิภาคของประเทศ และรับฟังปัญหาโดยตรงจากปากพี่น้องประชาชน รวมทั้งภาคเอกชนในพื้นที่ ซึ่งผมและคณะรัฐมนตรี ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชน ข้าราชการ และทุกภาคส่วนในพื้นที่นะครับ ที่ให้การต้อนรับ อย่างอบอุ่น

tusart

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมแปลกใจ ก็คือ กลุ่มจังหวัดนี้ แม้ว่าจะมีแม่น้ำโขง - ชี - มูล หล่อเลี้ยงภาคการผลิต ที่นับว่าตั้งอยู่ในผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การทำเกษตรกรรม มีผลผลิตที่หลากหลาย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ที่ได้รับรองมาตรฐานเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมแปรรูปทางการเกษตรนะครับ และ แหล่งแปรรูปสมุนไพร ที่สำคัญแห่งหนึ่ง ของภาคอีสาน

แต่ทำไมยังคงเป็น “กลุ่มจังหวัด” ที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัว “ต่ำที่สุด” ในประเทศนะครับ นอกจากนี้ ยังมีภูมิศาสตร์ที่ตั้ง อยู่บริเวณชายแดน ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นระยะทางยาว มีจุดผ่านแดน ทั้งจุดผ่านแดนถาวร และจุดผ่อนปรน รวม 9 ช่องทาง อีกทั้งมีแหล่งท่องเที่ยว ทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ที่โดดเด่นอยู่เป็นจำนวนมาก แต่คงเป็นเพราะยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่นะครับ เนื่องจากโครงการพัฒนาต่างๆ ในอดีต ไม่กระจายมาถึงที่นี่ และ ไม่มียุทธศาสตร์ที่ต่อเนื่อง ระยะยาว ในครั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้ลงไป

tusri2

โดยโครงการต่างๆ ที่เสนอขึ้นมา หากสามารถเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ และ มีความจำเป็นเร่งด่วน ก็ต้องพิจารณาปรับให้มาดำเนินการ "เร็วขึ้น" อาทิ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ทั้งทางถนน - ทางราง - ทางอากาศ เพื่อการท่องเที่ยว และเชื่อมโยงการค้าชายแดนนะครับ การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร และ แก้ไขปัญหาอุทกภัย การยกระดับการผลิต และการสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร

รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น โครงการเพิ่มศักยภาพการให้บริการของโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ และ ศูนย์การแพทย์แผนไทย - พนา ซึ่งเป็นศูนย์การแพทย์ครบวงจรเป็นต้น เพื่อจะให้กลุ่มจังหวัดนี้ ได้บรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ ของคนในพื้นที่ ก็คือ “อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป และเกษตรอินทรีย์เพิ่มมูลค่า การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ การค้าชายแดนได้มาตรฐานสากล” นะครับ

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

“ก้าวแรกแห่งความสำเร็จ” นี้ จากการประชุมคณะรัฐมนตรีก็คือ เราได้เห็นผลสำเร็จจากการส่งเสริมสมุนไพรไทยตามนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” ที่มุ่งยกระดับมาตรฐานการผลิตยาจากสมุนไพรให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การผลิตยา (GMP) ส่งผลให้ปัจจุบันตลาดสมุนไพรไทย โตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนสามารถส่งออกสมุนไพรและสารสกัดได้กว่าปีละ 1,000 ล้านบาท คาดการณ์ว่าภายในปี 2564, เราจะสามารถสร้างมูลค่าได้มากกว่า 5.69 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาชีพการปลูกสมุนไพร ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรในอนาคตอีกด้วย

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังได้ “เห็นชอบ” ในการผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมให้ “ประชาชนปลูกต้นไม้ยืนต้นมูลค่าสูงในที่ดินกรรมสิทธิ์ เพื่อการออมและการสร้างมูลค่าของเศรษฐกิจ” โดยมีสาระสำคัญกำหนดให้ไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ รวมทั้งสิ้น 58 ชนิด เช่น สัก พะยูง ชิงชัน แดง เต็ง ฯลฯ เป็นทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ นับว่า “ประเทศได้ป่า ประชาได้ประโยชน์” เหมือนกับยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว”

e-book-1-503x62