ผลกระทบ "RATCH จำกัด" โบรกฯ ให้ราคา 58-61 บาท
โบรกฯ ประเมิน สันเขื่อน "เซเปียน-เซนํ้าน้อย" ทรุด กระทบ RATCH เบื้องต้นจำกัด เหตุความเสี่ยงจากความล่าช้าก่อสร้างและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ อยู่ในความรับผิดชอบของผู้รับเหมา คาด RATCH มีค่าใช้จ่ายการซ่อมแซม-เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ให้ราคาเป้าหมาย 58-61 บาทต่อหุ้น
กรณีเขื่อนดินย่อยโรงไฟฟ้าพลังนํ้าเซเปียน-เซนํ้าน้อยใน สปป.ลาว เกิดการทรุดตัว โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังนํ้า กําลังผลิตติดตั้ง 410 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 1.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ปัจจุบัน มีความคืบหน้าแล้ว 90% กําหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 (ภายใต้สัญญาซื้อขาย 27 ปี) บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) ถือหุ้นสัดส่วน 25%, Lao Holding State Enterprise 24%, SK Engineering 26% (EPC-ผู้รับเหมาก่อสร้าง) และ Korea Western Power 25% (O&M)
บทวิจัย บล.เคที ซีมีโก้ฯ ระบุ RATCH มีกําลังผลิตตามสัดส่วนร่วมทุนในโครงการนี้ราว 102.5 เมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1.4% เมื่อเทียบกับกําลังผลิตรวมของ RATCH ที่ 7,552.4 เมกะวัตต์ แต่เนื่องจากโครงการอยู่ระหว่างก่อสร้าง ความเสียหายที่เกิดขึ้น คาดจะอยู่ในความรับผิดชอบของผู้รับเหมาก่อสร้าง (EPC) จึงอาจเร็วไปที่จะพูดถึงความเสี่ยงของความล่าช้าในการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ของโครงการดังกล่าว ซึ่งการสูญเสียรายได้จากการดำเนินงานอันเป็นผลจากความล่าช้าของการก่อสร้าง ก็น่าจะอยู่ในความรับผิดชอบของผู้รับเหมาก่อสร้างเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ประมาณการว่า โครงการดังกล่าวมีส่วนสนับสนุนกําไรและมูลค่าหุ้นของ RATCH ในวงจํากัด คือ ราว 5-8% ของกําไรรวมของ RATCH ในปี 2562-2564 และราว 7% ของราคาเป้าหมาย (ราว 4 บาท/หุ้น จากราคาเป้าหมายที่ 61 บาท/หุ้น)
บล.เอเอสแอลฯ ระบุว่า ผู้บริหาร RATCH ยังคงยืนยันเดินหน้าโครงการดังกล่าวตามแผน ทำให้เบื้องต้นเรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 และ 2562 ไว้เท่าเดิม โดยกำไรสุทธิปี 2561 อยู่ที่ 7 พันล้านบาท (+14.4%YoY) และกำไรสุทธิปี 2562 ที่ 7.4 พันล้านบาท (+5.6%YoY) เชื่อว่า จะกระทบเพียงระยะสั้นเท่านั้น ยังคงแนะนำ "ซื้อ" เช่นเดิม โดยคงราคาเหมาะสมไว้ที่ 58 บาท
ราคาปิดหุ้น RATCH เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 ยืนระดับ 51.50 บาท
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,387 วันที่ 29 ก.ค.- 1 ส.ค. 2561 หน้า 18
กรณีเขื่อนดินย่อยโรงไฟฟ้าพลังนํ้าเซเปียน-เซนํ้าน้อยใน สปป.ลาว เกิดการทรุดตัว โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังนํ้า กําลังผลิตติดตั้ง 410 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 1.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ปัจจุบัน มีความคืบหน้าแล้ว 90% กําหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 (ภายใต้สัญญาซื้อขาย 27 ปี) บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) ถือหุ้นสัดส่วน 25%, Lao Holding State Enterprise 24%, SK Engineering 26% (EPC-ผู้รับเหมาก่อสร้าง) และ Korea Western Power 25% (O&M)
บทวิจัย บล.เคที ซีมีโก้ฯ ระบุ RATCH มีกําลังผลิตตามสัดส่วนร่วมทุนในโครงการนี้ราว 102.5 เมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1.4% เมื่อเทียบกับกําลังผลิตรวมของ RATCH ที่ 7,552.4 เมกะวัตต์ แต่เนื่องจากโครงการอยู่ระหว่างก่อสร้าง ความเสียหายที่เกิดขึ้น คาดจะอยู่ในความรับผิดชอบของผู้รับเหมาก่อสร้าง (EPC) จึงอาจเร็วไปที่จะพูดถึงความเสี่ยงของความล่าช้าในการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ของโครงการดังกล่าว ซึ่งการสูญเสียรายได้จากการดำเนินงานอันเป็นผลจากความล่าช้าของการก่อสร้าง ก็น่าจะอยู่ในความรับผิดชอบของผู้รับเหมาก่อสร้างเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ประมาณการว่า โครงการดังกล่าวมีส่วนสนับสนุนกําไรและมูลค่าหุ้นของ RATCH ในวงจํากัด คือ ราว 5-8% ของกําไรรวมของ RATCH ในปี 2562-2564 และราว 7% ของราคาเป้าหมาย (ราว 4 บาท/หุ้น จากราคาเป้าหมายที่ 61 บาท/หุ้น)
บล.เอเอสแอลฯ ระบุว่า ผู้บริหาร RATCH ยังคงยืนยันเดินหน้าโครงการดังกล่าวตามแผน ทำให้เบื้องต้นเรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 และ 2562 ไว้เท่าเดิม โดยกำไรสุทธิปี 2561 อยู่ที่ 7 พันล้านบาท (+14.4%YoY) และกำไรสุทธิปี 2562 ที่ 7.4 พันล้านบาท (+5.6%YoY) เชื่อว่า จะกระทบเพียงระยะสั้นเท่านั้น ยังคงแนะนำ "ซื้อ" เช่นเดิม โดยคงราคาเหมาะสมไว้ที่ 58 บาท
ราคาปิดหุ้น RATCH เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 ยืนระดับ 51.50 บาท
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,387 วันที่ 29 ก.ค.- 1 ส.ค. 2561 หน้า 18
