โบรกหั่นราคาหุ้นแบงก์! ฟรีค่าธรรมเนียมพ่นพิษเกินตลาดคาดการณ์ - ปรับเป้ากำไรลดลง 4-7%

09 เม.ย. 2561 | 06:33 น.
ผลพวงเลิกเก็บค่าธรรมเนียมส่งผลรายได้แบงก์หดมากกว่าตลาดคาด! โบรกเกอร์ปรับลดประมาณผลประกอบการลง 4-7% พร้อมลดราคาเป้าหมายของหุ้นแบงก์ลง 8-11%

การประกาศลดเป้าหมายรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยของธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เป็นติดลบ 6-8% เนื่องจากการประกาศยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ ส่งผลกระทบต่อความกังวลในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์รายอื่น ๆ และทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง

นายอาทิตย์ จันทร์สว่าง นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินหุ้นกลุ่มธนาคาร ว่า จะถูกกดดันจาก 2 ปัจจัยลบ คือ กังวลว่า ทั้งรายได้จากดอกเบี้ยและไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง โดยรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลงมากกว่าที่ตลาดคาด หลัง KBANK ปรับลดคาดการณ์รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยของปีนี้หดตัว 6-8% มากกว่าที่ตลาดส่วนใหญ่คาดว่าจะหดตัวเพียง 3% และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเห็นธนาคารอื่น ๆ ออกมาทยอยปรับลดคาดการณ์ลงเช่นเดียวกัน

รายได้ดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง หลังจากที่ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี ซึ่งหากธนาคารต่าง ๆ ปรับลดดอกเบี้ยจริง จะทำให้รายได้จากดอกเบี้ยลดลง เบื้องต้น คาดว่า KBANK และ TMB จะได้รับผลกระทบมากสุด เพราะมีสัดส่วนลูกค้า SMEs มากที่สุดในอุตสาหกรรม


| เลือกเล่นได้รายตัว BBL-TISCO |


ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ของโบรกเกอร์ต่างปรับลดประมาณการผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ลง โดย บล.ฟินันเซีย ไซรัสฯ มองว่า กำไรสุทธิปี 2561 จะลดลง 4% , บล.กสิกรไทยฯ ประเมินว่า กำไรสุทธิปี 2561-2563 จะลดลง 4-6% และบล.เอเซียพลัสฯ มองว่า กำไรสุทธิในปี 2561-2562 จะลดลง 5-7% จากผลกระทบของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในไตรมาสแรกปีนี้ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดค่าธรรมเนียมดังกล่าว

ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัสฯ คาดว่า KBANK เป็นธนาคารที่จะได้รับผลกระทบสูงสุด เนื่องจากมีส่วนแบ่งการตลาดลูกค้าโมบายแบงกิ้งสูงสุดในกลุ่ม นอกจากนี้ ได้ปรับลดประมาณการกำไรกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ลง คือ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) , ธนาคารกรุงไทย (KTB) , ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ส่วนธนาคารทหารไทย (TMB) , ธนชาต (TCAP) และธนาคารทิสโก้ (TISCO) คาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไม่มีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ โบรกเกอร์ได้ปรับลดราคาหุ้นที่เหมาะสมลง บล.เอเซียพลัสฯ ปรับลดราคาที่เหมาะสมของหุ้นกลุ่มแบงก์ลงเฉลี่ย 8-10% ยกเว้น BBL ลดลง 6% จาก 235 บาท เป็น 220 บาท โดยหุ้น KBANK ลดลงจาก 250 บาท เป็น 227 บาท , BAY ลดลง 46 บาท เป็น 42 บาท และหุ้น TMB ถูกปรับลดมูลค่าเหมาะสมลงมากสุดถึง 11% จากราคา 3.26 บาท เป็น 2.88 บาท

บล.กสิกรไทยฯ ปรับลดราคาหุ้นที่เหมาะสม BBL ลงจาก 240 บาท เป็น 224 บาท , SCB ลดลงจาก 162 บาท เป็น 151 บาท , KTB ลดลงจาก 23 บาท เป็น 21.50 บาท ขณะที่ คงราคาเป้าหมายเดิมของ TISCO ที่ 105 บาท และ KKP ที่ 78 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ฯ บล.กสิกรไทยฯ คงน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร “มากกว่าตลาด” โดยเลือกหุ้นเด่น คือ BBL ราคาเป้าหมาย 224 บาท , KTB ราคาเป้าหมาย 21.50 บาท และ TISCO ราคาที่เหมาะสม 105 บาท

ขณะที่ บล.เอเซียพลัสฯ ลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มธนาคารลง เป็น "น้อยกว่าตลาด" จากเดิม "เท่าตลาด" มีปัจจัยลบจากประเด็นสงครามแย่งชิงลูกค้าที่รุนแรงกว่าที่ประเมินไว้ ยังปกคลุมภาพรวมการลงทุน และทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุน และทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นธนาคารน่าจะยัง Underperform ตลาดต่อไป เลือกหุ้น Top Pick เป็นหุ้น BBL มูลค่าเหมาะสม 220 บาท และ TCAP ราคาเป้าหมาย 65 บาท

บล.ฟินันเซีย ไซรัสฯ ลดคำแนะนำหุ้นกลุ่มธนาคารจาก Over Weight เป็น Neutral และเลือก TISCO เป็น Top Pick ราคาเป้าหมาย 95 บาท


GP-3355_180727_0015

……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,355 วันที่ 8-11 เม.ย. 2561 หน้า 17-18

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ทยอยเก็บหุ้นพื้นฐานดี ฉวยจังหวะดอกเบี้ยขาขึ้นเหมาะสะสมหุ้นแบงก์ - ค่าพี/อีตลาดลดลงตํ่าสุดรอบ 2 ปี
ธปท.ออกประกาศเปิดทางให้ถือหุ้นแบงก์ตปท.ได้เกิน 10%


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว