"สงครามค่าเงิน" ปะทุ!! ศึกการค้าลากโลกติดกับดัก เศรษฐกิจเสี่ยงชะงักงัน

25 ก.ค. 2561 | 11:58 น.
250761-1826

ผู้ว่า ธปท. หวั่นเสี่ยงติดกับเศรษฐกิจโลกชะลอ! เงินเฟ้อพุ่ง ดอกเบี้ยขึ้น เร่งเอสเอ็มอีรีบประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ... 'กรุงไทย' ชี้! ศึกจีน-สหรัฐฯ ไถลสู่สงครามค่าเงิน ... "ทิสโก้-ทหารไทย" มองบวก เชื่อไม่เลยเถิดจนเจ็บตัวทุกฝ่าย

ความขัดแย้งการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ล่าสุด ขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้กันไปมาเป็นมูลค่าฝ่ายละ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กลายเป็นสงครามการค้าเต็มรูปแบบนั้น ล่าสุด มีความกังวลว่าอาจลามเป็น "สงครามค่าเงิน" หลังจากที่จีนและอียูใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย สวนทางกับสหรัฐอเมริกา

 

[caption id="attachment_300780" align="aligncenter" width="503"] วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วิรไท สันติประภพ
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)[/caption]

เตือนระวังดอกเบี้ยขาขึ้น
ความขัดแย้งทางการค้าโลกนี้ นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า เสี่ยงกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไป แม้ที่ผ่านมา เศรษฐกิจประเทศอุตสาหกรรมหลัก ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น กำลังเติบโตร้อนแรง แต่ถ้านโยบายหลายอย่างทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น มาตรการกีดกันการค้า หรือ เศรษฐกิจโลกร้อนแรง จะยิ่งเร่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศเกิดใหม่ ที่อาจเกิดภาวะเงินไหลออกรุนแรงและส่งผลต่อค่าเงิน


สัญญาณเบี้ยวหนี้เริ่มโผล่
ความเสี่ยงอีกประการจากที่ดอกเบี้ยโลกอยู่ในระดับต่ำมานาน ทำให้เกิดหนี้เพิ่มสูงขึ้นทั้งโลกเป็นประวัติการณ์ ทั้งประเทศอุตสาหกรรมหลัก ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ทั้งหนี้ภาครัฐ หนี้ของบริษัทเอกชน และหนี้ภาคครัวเรือนด้วย ถือเป็นจุดเปราะบาง หากอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มปรับสูงขึ้น หรือ มาตรการกีดกันการค้า ฉุดเศรษฐกิจที่กำลังจะฟื้นตัวทำให้คนที่มีหนี้เยอะ และประเมินความเสี่ยงโดยชะล่าใจได้รับผลกระทบ อย่าง จีนมีหนี้อยู่ในระดับค่อนข้างสูง เริ่มเห็นการผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น ทำให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มสูง จะส่งผลกระทบเศรษฐกิจโลกและไทยต่อไปด้วย

ที่ผ่านมา ธปท. พยายามส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยตั้งวงเงินเป็นค่าธรรมเนียม แต่ปรากฏว่า ผลตอบรับยังน้อย มาใช้บริการเพียง 2,000 ราย จากเป้าหมาย 1.7 หมื่นราย

 

[caption id="attachment_300781" align="aligncenter" width="416"] จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงิน ตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จิติพล พฤกษาเมธานันท์
นักกลยุทธ์ตลาดเงิน ตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย[/caption]

ลามสู่สงครามค่าเงิน
ด้าน นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงิน ตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ความไม่ชัดเจนของนโยบายกีดกันการค้า มีโอกาสขยายวงต่อเป็นสงครามค่าเงิน ซึ่งต้องจับตาการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอียู-จีน ว่า มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยหรือไม่ ซึ่งสวนทางสหรัฐฯ ที่เข้มงวดการดำเนินนโยบายทางการเงิน

ยกเว้น กลุ่มประเทศอเมริกาเหนือ (นาฟต้า) ซึ่งมีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจจากนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ ทำให้แคนาดาและเม็กซิโก ทั้ง 2 ประเทศ ตั้งรับเพื่อไม่ให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น โดยพยายามทำให้ค่าเงินไม่อ่อนค่ามากนัก

สำหรับจีนนั้น ประสบภาวะเงินทุนไหลออกและเศรษฐกิจภายในชะลอลงด้วย โดยทางการจีนต้องกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินและการคลัง เพื่อให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่า เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแนวทางดำเนินนโยบายดังกล่าว หากมองผิวเผิน ตลาดอาจประเมินจีนทำสงครามค่าเงิน แต่ในความเป็นจริง จีนต้องการประคองเศรษฐกิจภายใน


GP-3386_180725_0007

มองบวกขัดแย้งจำกัดวง
ขณะที่ นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มทิสโก้ บริษัท ทิสโก้ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มองว่า ความขัดแย้งการค้าจีน-สหรัฐฯ ไม่รุนแรงและเลยเถิดไปเป็นสงครามค่าเงิน เนื่องจากจีนค่อนข้างระมัดระวังตัว ไม่ตัดสินใจผลีผลาม และตัวแปรสำคัญอยู่ที่ 'ประธานาธิบดีทรัมป์' ที่ฟาดไปทั่ว ยังไม่ได้ชี้ไปที่จุดใดจุดหนึ่ง หรือ ประเทศใดประเทศหนึ่ง คาดว่า สถานการณ์ไม่น่าขยายวงกว้าง หรือ ไม่น่าไปไกลมากกว่านี้ แต่ถ้าทุกคนตอบโต้กลับจะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง

"ครั้งนี้จีนเดินเกมได้ลุ่มลึกมาก ไปในทิศทางที่ถูกต้อง ส่วนทรัมป์ตอนนี้ไม่ได้สนใจกติกา เพราะส่วนหนึ่งทรัมป์มีเรื่องทางการเมือง จึงต้องทำทุกอย่างที่สัญญาไว้ว่า สหรัฐฯ จะต้องมาเป็นที่หนึ่ง เพื่ออย่างน้อยให้อยู่ได้ครบเทอม และรักษาฐานเสียงตัวเอง ดังนั้น มองว่าเหตุการณ์ไม่น่าจะลุกลาม แต่ทุกคนหาทางออกรวมกันในระยะสั้น อาจมีแรงกระเพื่อมบ้าง แต่คงไม่ไกลไปมากกว่านี้"

 

[caption id="attachment_300783" align="aligncenter" width="335"] พูน พานิชพิบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบี พูน พานิชพิบูลย์
ผู้เชี่ยวชาญ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบี[/caption]

เจ็บตัวทุกฝ่าย
นายพูน พานิชพิบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบี ก็เห็นว่า สงครามการค้าเต็มรูปที่สหรัฐฯ จะทำกับคู่ค้านั้น เป็นไปได้ยาก เพราะท้ายสุด เอกชนที่เป็นฐานเสียงของทรัมป์จะไม่เห็นด้วย และกลับมากดดันทรัมป์ในการเลือกตั้งปลายปีที่จะถึงเสียเอง ต้องมีการเจรจาเกิดขึ้น แม้หากเกิดสงครามการค้าขึ้นจริง ก็ไม่น่าจะไปไกลถึงสงครามค่าเงิน

ขณะเดียวกัน จีนมีทางเลือกเยอะมากในการตอบโต้ หรือ ใช้ไม้ตาย เช่น ลดการลงทุนในสหรัฐฯ หรือ ถอนการลงทุน พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจตัวเองเพิ่มเติม หรือ ลดการถือบอนด์สหรัฐฯ และถ้าหากจีนจะเล่นเรื่องค่าเงินจริง ๆ อาจจะต้องผ่านธนาคารกลางอยู่ ๆ จะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือ การลดอัตราดอกเบี้ยสู้ ซึ่งมองว่า ไม่น่าจะใช้วิธีขนาดนั้น เพราะถ้าถึงขั้นต้องลดดอกเบี้ย แสดงว่า เศรษฐกิจแย่แล้ว ซึ่งจะเล่นเรื่องค่าเงินจะต้องแข่งกันชะลอขึ้นดอกเบี้ย หรือ ลดดอกเบี้ย


app-yuan2

"ผมคิดว่า ถ้าเงินอ่อน อันนี้น่าจะช่วยส่งออกที่แย่จากสงครามการค้าแบบยอดลด แต่เงินอ่อนค่าก็ช่วยลดผลกระทบที่ยอดตกได้ แต่อย่าลืมว่า ตัวทรัมป์เองที่เป็นคนทำให้ดอลลาร์ผันผวน เพราะจริง ๆ การตีความสงครามค่าเงินมองได้หลายมุม แต่หากพูดเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินก็ได้เหมือนกัน คือ กลับไปที่เรื่องขึ้นดอกเบี้ย หรือ ลดดอกเบี้ย"


กับดัก ศก.โลก โจทย์ยากเฟด
ดังนั้น ประเด็นที่อาจจะน่าติดตาม คือ ถ้าสงครามการค้าเกิดขึ้นจริง ๆ ธนาคารกลางจะประเมินการขึ้นดอกเบี้ยอย่างไร เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะขึ้นได้ตามเป้าหรือไม่ หรือยังจะขึ้นดอกเบี้ยต่อ เพราะน่าจะกระทบกับตลาดทุนพอสมควร แต่ถ้าหากเกิดทำจริงขึ้นมา จนถึงกีดกันกลุ่มยานยนต์ ซึ่งอันนี้กระทบสหรัฐฯ เต็ม ๆ อาจจะเห็นเฟดไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะเริ่มจัดการยาก เพราะสงครามการค้าน่าจะตามมาด้วยสภาวะของแพงขึ้น เงินเฟ้อก็ต้องมา แต่เศรษฐกิจดันชะลอตัว ซึ่งบอกยากว่า เฟดจะแก้แกมยังไง


160927132740-why-the-federal-reserve-isnt-political-00000000-1024x576

"ถ้าสงครามการค้ามันหนัก แล้วเศรษฐกิจชะลอ แต่เงินเฟ้อมาเต็ม เฟดจะทำงานยากขึ้น และหากดอกเบี้ยขึ้นต่อ ก็เร่งให้เศรษฐกิจแย่ เพราะดอกเบี้ยแพงขึ้น ทำให้การรีไฟแนนซ์ก็ลำบาก จะออกหุ้นกู้ใหม่มาโปะหนี้เก่าก็ยาก ผมว่า ตัวกุญแจ คือ ภาคยานยนต์นำเข้าสำคัญสุดของสหรัฐฯ"


……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,386 วันที่ 26-28 ก.ค. 2561 หน้า 01-02

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
เงินบาทสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.10-33.50 บ.ต่อดอลลาร์ จับตาสงครามค่าเงินรอบใหม่
สงครามค่าเงินดันเงินร้อนทะลัก ไหลเข้าบอนด์สั้นพุ่ง 4.6 หมื่นล้าน


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว