"สนธิรัตน์" ดัน OTOP-ผลไม้-อัญมณี-เครื่องประดับ จำหน่ายใน TV Shopping ใหญ่สุดในญี่ปุ่นเพิ่มเติม

20 ก.ค. 2561 | 14:49 น.
“สนธิรัตน์” ดันสินค้า OTOP ผลไม้ อัญมณี และเครื่องประดับเข้าไปจำหน่ายใน TV Shopping ใหญ่สุดในญี่ปุ่นเพิ่มเติม พร้อมดึงเข้ามาลงทุนในไทยเพื่อเจาะตลาดเพื่อนบ้าน เผย ยังได้หารือกับ Spice Road ร่วมมือเพิ่มจำนวนร้านอาหารไทย รับปากช่วยเจรจาเปิดตลาดเกษตรและบริการกับญี่ปุ่น แก้ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบและพ่อครัวแม่ครัว ส่วนผลประชุม HLJC ญี่ปุ่นยินดีหนุนไทยเข้าร่วม CPTPP และผลักดัน RCEP ให้สำเร็จ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการร่วมคณะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-ญี่ปุ่น (HTJC) ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ใช้โอกาสนี้หารือกับ บริษัท Jupiter Shop Channel ซึ่งเป็น TV Shopping ใหญ่สุดในญี่ปุ่น และที่ผ่านมา ได้มีการนำเข้าสินค้าไทยไปจำหน่าย เช่น หมอนผ้าไหม น้ำหอมอโรม่า กระเป๋าหนังปลากระเบน เครื่องประดับ และมะม่วง ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก โดยที่ประสบความสำเร็จมาก คือ สามารถทำยอดขายมะม่วงน้ำดอกไม้ได้ 30 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง“

บริษัทแจ้งว่า สินค้าเกษตรไทย เช่น มะม่วง มังคุด ทุเรียน สับปะรด ตลอดจนผลิตภัณฑ์ OTOP สินค้าไลฟ์สไตล์ อัญมณี และเครื่องประดับ เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคญี่ปุ่น และต้องการได้สินค้าที่ดีมีคุณภาพ ซึ่งผมได้มอบหมายให้ นายวิเชียร ชวลิต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดูแลและประสานงานกับ Jupiter ในไทย เพื่อคัดเลือกสินค้า OTOP คุณภาพสูงเข้าสู่การจำหน่ายผ่าน Shopping Channel รวมทั้งสินค้าในกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ”

ทั้งนี้ ยังได้ขอให้บริษัทใช้ประโยชน์จากความตกลง JTEPA ซึ่งญี่ปุ่นได้ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยแล้วกว่า 88% ของจำนวนสินค้ากว่า 9,000 รายการ ในการนำสินค้าไทยเข้าไปจำหน่าย และยังได้เสนอให้บริษัทเพิ่มการลงทุนในไทย เพราะสามารถขยายตลาดไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านได้ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเรื่องโอกาสในการขยายธุรกิจโดยใช้ประโยชน์จากศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางของอาเซียน เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า สำหรับการหารือกับบริษัท Spice Road ซึ่งดำเนินธุรกิจร้านอาหารไทยที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในญี่ปุ่นถึง 24 สาขา โดยมีจำนวน 6 ร้าน ที่ได้รับตรา Thai Select จากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งบริษัทได้แจ้งว่า มีแผนที่จะขยายสาขาไปยังเมืองอื่น ๆ นอกจากโตเกียว แต่ปัจจุบันประสบปัญหาขาดแคลนพ่อครัวแม่ครัวที่มีเงื่อนไขสูงในการให้วีซ่า ขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหาร รวมถึงข้าวหอมมะลิที่มีการกำหนดโควตา“

ได้แจ้งกับบริษัทไปว่า ไทยให้ความสำคัญกับการผลักดันให้ญี่ปุ่นเปิดตลาดสินค้าเกษตรและบริการที่เกี่ยวข้องกับร้านอาหารทั้งในกรอบ JTEPA และกรอบ RCEP และยังจะส่งเสริมให้มีสถาบันผลิตพ่อครัวแม่ครัวอาหารไทยที่ได้มาตรฐานให้เพียงพอกับความต้องการของร้านอาหารไทยทั่วโลก และจะช่วยประชาสัมพันธ์ตรา Thai Select ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับของผู้บริโภคชาวต่างชาติ เพื่อกระตุ้นให้มีการบริโภคอาหารไทยในร้านอาหารที่ได้รับตรา Thai Select มากขึ้น” นายสนธิรัตน์ กล่าว

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ส่วนการประชุม HLJC ระหว่างนายสมคิด กับ นายโยชิฮิเดะ สึกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ไทยได้แจ้งญี่ปุ่นถึงความสนใจในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) และความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) มีความคืบหน้าภายในปีนี้ ซึ่งญี่ปุ่นยินดีสนับสนุนไทยทั้งสองเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และยังได้ดึงดูดให้นักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในระเบียบเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วย