CIMBT ดันพอร์ตลูกค้าเศรษฐี สู่ 2.3 แสนล้าน
CIMBT คาดสิ้นปี ดันลูกค้า Preferred แตะ 7.8 หมื่นราย AUM 2.3 แสนล้านบาท เน้นเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่แตกต่างในการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุด เจาะกลุ่มรุ่นใหม่ วัยสร้างตัว
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง(Wealth Management) ปีนี้ ตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้าที่มีเงินฝากและลงทุน(AUM)ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไปหรือลูกค้ากลุ่ม Preferred เพิ่มเป็น 7.8 หมื่นรายในสิ้นปี จากเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 7 หมื่นรายคิดเป็น 10% ของลูกค้าทั้งหมดและเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2560 ที่มี 6.5 หมื่นราย และตั้งเป้าเพิ่มสินทรัพย์ AUM เป็น 2.3 แสนล้านบาท จากปัจจุบัน 2.14 แสนล้านบาทคิดเป็น 49% ของ AUM ทั้งหมดของธนาคาร เติบโตเฉลี่ย 19% ต่อปี
[caption id="attachment_299580" align="aligncenter" width="280"]
อดิศร เสริมชัยวงศ์[/caption]
ทั้งนี้สัดส่วน AUM แบ่งเป็น เงินฝาก 44% กองทุนรวม 14% ผลิตภัณฑ์การลงทุน 36% และประกัน 6% เทียบกับปี 2558 ที่มีเงินฝาก 54% กองทุนรวม 14% ผลิตภัณฑ์การลงทุน 28% และประกัน 4% โดยกลยุทธ์ในปีนี้จะเน้นเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่หลากหลายและความแตกต่างในการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้ลูกค้า และพัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า เพื่อให้คำแนะนำจัดสรรเงินลงทุนให้ได้ตามเป้าหมายของลูกค้ามากขึ้น โดยเน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 30-45 ปี เนื่องจากกลุ่มนี้มีความต้องการผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ และอยู่ในวัยสร้างตัว
“จุดแข็งของ Preferred จะเน้นเรื่องการลงทุน การกระจายการลงทุน และช่วยลูกค้าวางแผนการลงทุน ส่วนเรื่องสิทธิประโยชน์ธนาคารไม่ได้ทิ้ง เราก็ยังทำอยู่ แต่จะเน้นให้ความรู้ลูกค้าในเรื่องลงทุนมากขึ้น เพราะลูกค้ามากกว่าครึ่งยังคงเน้นฝากเงินอย่างเดียว เราจึงพยายามแนะนำลูกค้าให้เริ่มลงทุนบ้าง”
ล่าสุดได้ออกโปรแกรมเงินฝากประจำพิเศษ “เงินบาทคู่กับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ” โดยลูกค้าสามารถเลือกฝากประจำ 12 เดือน ดอกเบี้ย 2% ต่อปีและฝากประจำ 6 เดือน ดอกเบี้ย 1.8% ต่อปี ขั้นตํ่า 5 แสนบาท สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อสกุลเงินต่อลูกค้า 1 รายและต้องเท่ากันทั้ง 2 บัญชี โดยโปรแกรมนี้เริ่มตั้งแต่ 1 กรกฎาคมและสิ้นสุด 31 สิงหาคม 2561 ปัจจุบันมียอดคงค้างแล้ว 2 พันล้านบาทคาดว่า แคมเปญนี้จะเพิ่มเงินฝากได้อีก 1 พันล้านบาท
“จะเห็นว่าแบงก์หรือสถาบันการเงินที่เล่นในตลาดนี้ จะเน้นหาพันธมิตรต่างชาติเข้ามา เพื่อดึงความรู้และโปรดักต์มาเสนอลูกค้าไทยก่อน และค่อยแนะนำการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งต่างชาติเองก็ชอบ เพราะตลาดไทยอัตราการเติบโตของคนรวยน่าจะอยู่ในอันดับ 2 ของภูมิภาครองจากอินโดนีเซีย”
หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,385 วันที่ 22 - 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง(Wealth Management) ปีนี้ ตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้าที่มีเงินฝากและลงทุน(AUM)ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไปหรือลูกค้ากลุ่ม Preferred เพิ่มเป็น 7.8 หมื่นรายในสิ้นปี จากเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 7 หมื่นรายคิดเป็น 10% ของลูกค้าทั้งหมดและเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2560 ที่มี 6.5 หมื่นราย และตั้งเป้าเพิ่มสินทรัพย์ AUM เป็น 2.3 แสนล้านบาท จากปัจจุบัน 2.14 แสนล้านบาทคิดเป็น 49% ของ AUM ทั้งหมดของธนาคาร เติบโตเฉลี่ย 19% ต่อปี
[caption id="attachment_299580" align="aligncenter" width="280"]
ทั้งนี้สัดส่วน AUM แบ่งเป็น เงินฝาก 44% กองทุนรวม 14% ผลิตภัณฑ์การลงทุน 36% และประกัน 6% เทียบกับปี 2558 ที่มีเงินฝาก 54% กองทุนรวม 14% ผลิตภัณฑ์การลงทุน 28% และประกัน 4% โดยกลยุทธ์ในปีนี้จะเน้นเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่หลากหลายและความแตกต่างในการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้ลูกค้า และพัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า เพื่อให้คำแนะนำจัดสรรเงินลงทุนให้ได้ตามเป้าหมายของลูกค้ามากขึ้น โดยเน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 30-45 ปี เนื่องจากกลุ่มนี้มีความต้องการผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ และอยู่ในวัยสร้างตัว
“จุดแข็งของ Preferred จะเน้นเรื่องการลงทุน การกระจายการลงทุน และช่วยลูกค้าวางแผนการลงทุน ส่วนเรื่องสิทธิประโยชน์ธนาคารไม่ได้ทิ้ง เราก็ยังทำอยู่ แต่จะเน้นให้ความรู้ลูกค้าในเรื่องลงทุนมากขึ้น เพราะลูกค้ามากกว่าครึ่งยังคงเน้นฝากเงินอย่างเดียว เราจึงพยายามแนะนำลูกค้าให้เริ่มลงทุนบ้าง”
ล่าสุดได้ออกโปรแกรมเงินฝากประจำพิเศษ “เงินบาทคู่กับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ” โดยลูกค้าสามารถเลือกฝากประจำ 12 เดือน ดอกเบี้ย 2% ต่อปีและฝากประจำ 6 เดือน ดอกเบี้ย 1.8% ต่อปี ขั้นตํ่า 5 แสนบาท สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อสกุลเงินต่อลูกค้า 1 รายและต้องเท่ากันทั้ง 2 บัญชี โดยโปรแกรมนี้เริ่มตั้งแต่ 1 กรกฎาคมและสิ้นสุด 31 สิงหาคม 2561 ปัจจุบันมียอดคงค้างแล้ว 2 พันล้านบาทคาดว่า แคมเปญนี้จะเพิ่มเงินฝากได้อีก 1 พันล้านบาท
“จะเห็นว่าแบงก์หรือสถาบันการเงินที่เล่นในตลาดนี้ จะเน้นหาพันธมิตรต่างชาติเข้ามา เพื่อดึงความรู้และโปรดักต์มาเสนอลูกค้าไทยก่อน และค่อยแนะนำการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งต่างชาติเองก็ชอบ เพราะตลาดไทยอัตราการเติบโตของคนรวยน่าจะอยู่ในอันดับ 2 ของภูมิภาครองจากอินโดนีเซีย”
หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,385 วันที่ 22 - 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2561