“อุตตม” โชว์กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อมเชื่อจะมีนักธุรกิจญี่ปุ่นลงทุนในไทยเพิ่มในอีอีซี

20 ก.ค. 2561 | 10:55 น.
- 20 ก.ค. 61 - นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวในการบรรยายพิเศษ เรื่อง การขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ Thailand 4.0 และเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ในงานสัมมนาการลงทุน “Thailand Taking off to New Heights” ซึ่งมีนักลงทุนผู้ประกอบการญี่ปุ่นเกือบ 800 ราย เข้าร่วมรับฟัง ณ เมืองนาโกยา จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ว่า รัฐบาลไทยกำลังขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 เพื่อการปฏิรูปประเทศ มีการกำหนดกลไกการขับเคลื่อนในด้านเศรษฐกิจ คือ messageImage_1532080972280

1. การยกระดับด้านโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ของประเทศ เพื่อกระจายความเจริญและการสร้างโอกาสให้ทั่วถึงในพื้นที่ต่างๆ

2. การปฏิรูปเศรษฐกิจ ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) เน้นเทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมาย 11 กลุ่ม

3. การพัฒนาคน ให้สอดคล้องกับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0 เร่งพัฒนาสมรรถนะเฉพาะด้านของเอสเอ็มอีและ Start Up ควบคู่กับการพัฒนาทักษะ

และ 4. โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ที่เป็นโครงการสำคัญที่สุดโครงการหนึ่งของรัฐบาล messageImage_1532081008287

โดยโครงการอีอีซีเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย มีนวัตกรรมที่ก้าวหน้าที่สุดของไทย ซึ่งเชื่อมั่นว่า อีอีซีจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีบทบาทสำคัญและมีการเติบโตมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียเนื่องจากตั้งอยู่ตรงกลางของคาบสมุทรอินโดจีนและภูมิภาคอาเซียน และโครงการอีอีซีไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อประโยชน์ของประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อประโยชน์ร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) กลุ่มอาเซียน และกลุ่มประเทศแถบแปซิฟิก

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้จัดสิทธิประโยชน์พิเศษใหม่ๆ แก่นักธุรกิจที่ลงทุนในโครงการอีอีซี เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมเป้าหมาย การพัฒนาการศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ ตลอดจนการวิจัยพัฒนาร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ โดยคาดว่าการลงทุนในพื้นที่อีอีซี จะสูงถึง 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใน 5 ปี และขณะนี้

ประเทศไทยมีการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ และการออกมาตรการใหม่ๆ เช่น การปรับปรุงกลไก ความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนให้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น messageImage_1532080945283

นายอุตตม กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการหารือกับนักธุรกิจญี่ปุ่น เชื่อว่า ประเทศไทยจะได้ต้อนรับนักธุรกิจญี่ปุ่นรายใหม่ จากเดิมที่มีนักธุรกิจญี่ปุ่นที่ประกอบธุรกิจในไทยประมาณ 7,000 ราย ให้เพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นราย เนื่องประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศมีการลงทุนสูงที่สุดของไทย เป็นมิตรประเทศที่ดีของไทยในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ซึ่งไทยกับญี่ปุ่นมีความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น หรือ JTEPA ที่มีผลบังคับใช้มาแล้วจนครบ 10 ปี ส่งผลให้ในปี 2560 ที่ผ่านมา ไทย-ญี่ปุ่นมีการค้าระหว่างกันถึง 54,350 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเพื่อให้ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่นในด้านอุตสาหกรรมเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีข้อตกลงความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (METI) ของญี่ปุ่นภายใต้กรอบความร่วมมือพัฒนา Thailand 4.0 ด้วย จึงขอเชิญให้ภาคเอกชนญี่ปุ่นใช้โอกาสที่ประเทศไทยกำลังสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับนักลงทุนไทยและญี่ปุ่นให้เต็มที่ในปัจจุบันนี้