ทางออกนอกตำรา : โบแดงรัฐบาลนายกฯตู่ สกัดฟาสต์ฟูดตายผ่อนส่ง

19 ก.ค. 2561 | 13:56 น.
 

63++6+ Wall-1 ต้องปรบมือดังๆให้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะคุณหมอปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ที่กล้าตัดสินใจออกประกาศ ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายอาหารที่มีส่วนประกอบของ “ไขมันทรานส์” ซึ่งจะมีผลบังคับใช้อีก 180 วัน หรือใน 6 เดือนต่อจากนี้ไป

เพราะปรากฏหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชัดเจนว่า ไขมันวายร้ายตัวนี้ เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดตีบตัน รวมถึงโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นโรคยอดฮิต ที่คนไทยจำนวนมากเสียชีวิตไปไม่รู้กี่รายต่อกี่ราย

ว่ากันว่าไขมันทรานส์ตัวนี้ เป็นไขมันที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมาโดยนำไฮโดรเจนมาผสมทำให้เกิดความยืดหยุ่น เหนียว อายุยืนยาว โดยไม่มีกลิ่นหืน หรือกลิ่นอับนั้นเป็นต้นเหตุของโรคร้ายสารพัดให้กับคนบริโภคอาหารประเภทของทอด ขนมขบเคี้ยว กลุ่มสแน็ก โดนัต ไก่ทอด อาหารฟาสต์ฟูด ครีมเทียม เนยเทียม ฯลฯ ซึ่งอาหารกลุ่มนี้สุ่มเสี่ยงทำให้คนที่บริโภคเป็นโรคสารพัด
37245008_2186583334694543_5671398245855657984_n เราอาจจะยังไม่เคยตระหนักว่า เพราะบริโภคอาหารเหล่านี้ทำให้คนเป็นโรคระบบหลอดเลือดกันจำนวนมาก

ปัจจุบันไทยมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเกิดใหม่ราว 15 ล้านรายต่อปี ในจำนวนนี้เสียชีวิตประมาณ 5 ล้านราย ที่เหลือพิการเป็นส่วนใหญ่ ประมาณ 2 ใน 3 ของผู้ป่วยโรคนี้เกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนารวมถึงไทย

ขณะที่คนไทยที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งก็ถือว่าร้ายแรง น.พ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคมะเร็งในภาพรวม ปัจจุบันพบจำนวนผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 130,000 รายต่อปี โดยพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง

โรคมะเร็งยังเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 ของคนไทย นับตั้งแต่ปี 2542 และยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ย 100 คน ต่อประชากร 100,000 คน
37277264_2186583274694549_6472173985999093760_n

การออกประกาศดังกล่าวมาควบคุมผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าส่วนประกอบอาหารในกลุ่มไขมันทรานส์ จึงถือว่าเป็นความกล้าในการปกป้องชีวิตคนไทยที่ตรงจุด ดีกว่ามาตรการป้องปราม หรือสร้างนิสัยการบริโภคเป็นไหนๆ

แม้ว่าการออกประกาศดังกล่าวสร้างความสะท้านสะเทือนไปยังธุรกิจอาหารฟาสต์ฟูด ธุรกิจขนมขบเคี้ยว ธุรกิจอาหารในวงกว้างมหาศาลก็ตาม

เราไม่เคยรู้ว่าสินค้ากลุ่มเหล่านี้ที่เรากินกันมีอันตราย ทำให้ตลาดขนมขบเคี้ยว (สแน็ก) ในไทยขยายตัวทุกปีมูลค่ารวมกว่า 35,000 ล้านบาท เติบโตปีละ 4-6%

ปี 2560 ตลาดบิสกิตมีมูลค่า 13,284-13,542 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีมูลค่า 12,897 ล้านบาท เป็น ขนมขบเคี้ยวขนาดเล็ก 32% คุกกี้ 27% เวเฟอร์ 24% และแครกเกอร์ 17%

กลุ่มขนมขึ้นรูปมีมูลค่า 10,000 ล้านบาท หรือ 1 ใน 3 เติบโตสูงที่สุดปีละ 8.3%

สาหร่ายปรุงรสมูลค่าตลาด 2,882 ล้านบาท เติบโต 9.4%
Template [ธุรกิจอาหาร] WALL-3 TV-A1 มาดูตลาดรวมโดนัต ในไทย ปี 2558 มูลค่า 3,500 ล้านบาท เติบโตปีละ 8% ตอนนี้ปี 2561 ว่ากันว่าตลาดขยายตัวมาเป็น 5,600 ล้านบาท มิสเตอร์ โดนัท เป็นผู้นำตลาดส่วนแบ่งตลาด 60 % ดังกิ้น โดนัท 30 % คริสปี้ครีม 10% อื่นๆ 10 %

ผลของประกาศดังกล่าวจึงทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารสะท้านไปทั่วทั้งเมืองทีเดียว ผมได้ข่าวมาว่าวิ่งล็อบบี้ขอเคลียร์สต๊อกเดิมกันให้วุ่น

เพื่อให้เห็นภาพ ผมขอนำประกาศดังกล่าวมาให้อ่านกันชัดๆดังนี้...

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 (8) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้นํ้ามันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนและอาหารที่มีนํ้ามันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นส่วนประกอบ เป็นอาหารที่ห้ามผลิต นํ้าเข้า หรือจำหน่าย

ข้อ 2 ประกาศฉบับนี้ ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ใครยังดื้อแพ่งใช้ไขมันทรานส์ในอาหารอยู่ก็จะมีบทลงโทษด้วย โดยจะเอาผิดทั้งผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จำหน่าย ตามมาตรา 50 พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน - 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 - 20,000 บาท

หลังจากที่ประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เผยแพร่ออกไปได้มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ในโลกโซเชียลมีเดีย โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่ต่างโอดครวญกันหนักหน่วง เพราะของอร่อย ขนมกรุบกรอบเคี้ยวเพลิน ป๊อปคอร์น ของทอดต่างๆ เค้กครีม ชานมไข่มุก ขนมเค้ก ขนมอบกรอบ ครีมเทียม หรือเนยเทียม ฯลฯ ที่คนไทยนิยมบริโภค ล้วนแล้วแต่มีไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบแทบทั้งสิ้น

เรียกว่า ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งนํ้าตา!
37273862_2186582968027913_855882854905675776_n ก่อนหน้านี้ คุณสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้นำโดนัตรสช็อกโกแลตมาทดสอบทั้งหมด 13 ตัวอย่างพบว่า มี 8 ยี่ห้อที่มีปริมาณไขมันทรานส์สูงเกินกว่าที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ คือ ควรมีไขมันทรานส์ในอาหารได้สูงสุดไม่เกิน 0.5 กรัม/ หน่วยบริโภค ได้แก่

1. ซับไลม์โดนัต มีปริมาณไขมันทรานส์ 4.5913 กรัม/ชิ้น

2.ฟู้ดแลนด์ (Foodland โดนัตช็อกโกแลต) มีปริมาณไขมันทรานส์ 3.0484 กรัม/ ชิ้น 2. ดังกิ้น โดนัท ช็อกโกแลต ฟลาวเวอร์ มีปริมาณไขมันทรานส์ 2.7553 กรัม/ชิ้น

3. เทสโก้ โลตัส (โดนัตรวมรส ช็อกโกแลต) มีปริมาณไขมันทรานส์ 1.7449 กรัม/ชิ้น

4. บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ (โดนัตช็อกโกแลต) มีปริมาณไขมันทรานส์ 0.9560 กรัม/ชิ้น

5. มิสเตอร์ โดนัท มีปริมาณไขมันทรานส์ 0.8690 กรัม/ชิ้น

6. เอ็น.เค.โดนัท มีปริมาณไขมันทรานส์ 0.8626 กรัม/ชิ้น

7. ยามาซากิ มีปริมาณไขมันทรานส์ 0.7542 กรัม/ชิ้น

ส่วนอีก 5 ยี่ห้อที่เหลือมีปริมาณไขมันทรานส์อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด ได้แก่

1. คริสปี้ครีม มีปริมาณไขมันทรานส์ 0.2067 กรัม/ชิ้น

2. เบรดทอล์ค มีปริมาณไขมันทรานส์ 0.2029 กรัม/ชิ้น

3. แซง-เอ-ตวล มีปริมาณไขมันทรานส์ 0.1272 กรัม/ชิ้น

4.เฟลเวอร์ ฟิลด์ มีปริมาณไขมันทรานส์ 0.0824 กรัม/ชิ้น

5.แด๊ดดี้ โด มีปริมาณไขมันทรานส์ 0.0729 กรัม/ชิ้น

ทำกันขนาดนี้คนไทยยังไม่ตระหนัก ขนาดองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ประกาศว่าจะรณรงค์ให้ระบบการผลิตอาหารโลกปราศจากไขมัน Trans fat ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ และเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหัวใจ โดยตั้งเป้าการกำจัดไขมัน Trans fat ออกจากกระบวนการผลิตอาหารโลก ภายในปี ค.ศ. 2023 หรืออีก 5 ปี นับจากนี้ แต่คนไทยกลับไม่สำนึก ยังกินตามปาก...ตายเป็นตาย

|คอลัมน์ : ทางออกนอกตำรา
|โดย : บากบั่น บุญเลิศ
| หนังสือพิมพฐานเศรษฐกิจ หน้า 6 ฉบับ 3384 ระหว่างวันที่ 19-21 ก.ค.2561
e-book-1-503x62