"ภากร" เปิดวิสัยทัศน์ นำตลาดทุนไทยสู่สากล

19 กรกฎาคม 2561
- 19 ก.ค. 61 - ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวในงานสัมนา "ทิศทางหุ้นครึ่งปีหลัง ฟุบหรือไปต่อ" ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพ ว่าในช่วงที่ผ่านมาภายใต้บริบทโลกในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย และมีความท้าทายใหม่ๆเข้ามา ทำให้การลงทุน การระดมทุนต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลง

กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรมีผลกระทบกับประเทศไทยเสมอ ด้วยการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และการเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรมของประชากรของไทยและทั่วโลก ยิ่งไปกว่านั้นปัจจุบันการเชื่อมโยงของโลกมีมากขึ้นเรื่อยๆ

กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ซึ่งวันนี้จะมาวิเคราะห์กันโดยเฉพาะ 1.การลงทุนในตลาดหลักทรพย์แห่งประเทศไทยเรามีพัฒนาการอย่างไร 2.บริษัทจดทะเบียนในไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง และมีการพัฒนาอย่างไร 3.ความท้าทายทางด้านเทคโนโลยี ทำให้การทำงานของตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ บริษัทที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทจัดการหลักทรัพย์ กองทุน หรือนักลงทุน จะต้องมีการปรับตัวอย่างไร 4.ข้อคิดในการลงทุนในอนาคตอันใกล้

กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดหลักทรพย์แห่งประเทศไทย เป็นตลาดหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมีการซื้อขายต่อวันสูงที่สุดในอาเซียนตั้งแต่ปี 2555 ซึ่ง 6 ปีที่ผ่านมาเราแซงตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ในวันนี้การซื้อขายตลาดหลักทรัพย์สูงกว่าตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ถึง 2 เท่า สูงกว่าตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย 3 เท่า สูงกว่าตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งถือเป็นจุดแรกที่แสดงให้เห็นว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงไปมาก จากมูลค่าการซื้อขายต่อวันเมื่อ 6 ปีที่แล้ว อยู่ที่ประมาณวันละ 20,000-30,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 65,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมาเงินที่ไหลเข้าออกอยู่ที่ประมาณ 180,000 ล้านบาท เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะทำให้คลายความกังวลลง

กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า 5 ปีที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีการระดมทุนสูงที่สุดในอาเซียน อยู่ที่ 67,000 ล้านบาท ด้านบริษัทจดทะเบียนไทย 17 บริษัทอยู่ในดัชนียั่งยืนดาวโจนส์สูงสุดในอาเซียน ระบบเศรษฐกิจของไทยโตขึ้นปีละ 3% ซึ่งบริษัทจดทะเบียนไทยเติบโตต่อเนื่องและมีความสามารถสูง ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะเติบโตช้า แต่บริษัทขายการลงทุนไปยังต่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งบริษัทจดทะเบียนไทยจะลงทุนมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยมี บริษัทจดทะเบียนไทย 140 บริษัทที่ลงทุนในภูมิภาค CLMV ตามด้วย เอเชียเหนือ อเมริกา ยุโรป เอเชียใต้ ออสเตรเลีย ตะวันออก แอฟริกา จำนวนบริษัทจดทะเบียนที่มีสถานะลงทุนในต่างประเทศจำแนกรายประเทศในอาเซียนได้แก่ เมียนมา ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์