เปิดเบื้องหลัง "ทรัมป์-ปูติน" ซัมมิต

17 ก.ค. 2561 | 07:54 น.
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา อาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับชาวอังกฤษ ที่เป็นเจ้าภาพเมื่อตอนที่เขาไปเยือนลอนดอนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะนอกจากทรัมป์จะทำตัวไม่ค่อยเหมาะสมกับสมเด็จพระราชินีนาถของอังกฤษ โดยปล่อยให้พระองค์ทรงรอนานกว่า 10 นาที และบางจังหวะก็เดินนำหน้าพระองค์ในการตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ แย่ไปกว่านั้น คือ ทรัมป์ได้วิจารณ์กลยุทธ์การเจรจาเบร็กซิตของรัฐบาลนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แต่ที่เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งทรัมป์มีกำหนดพบปะหารือระดับซัมมิตกับ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เขากลับสร้างความสบายอกสบายใจให้กับฝ่ายรัสเซียเป็นอย่างมาก ไม่มีการกล่าวร้ายป้ายสีกัน มีแต่คำขอบคุณและยกย่องชมเชย

ทั้งสองผู้นำ กล่าวว่า สหรัฐฯ และรัสเซียกำลังก้าวเข้าสู่ความสัมพันธ์ที่ปรับปรุงดีขึ้น และหวังว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในอนาคต


 

[caption id="attachment_298586" align="aligncenter" width="503"] โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา via https://youtu.be/2-Xw0_2eMJg โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
via https://youtu.be/2-Xw0_2eMJg[/caption]

การหารือครั้งนี้ เป็นไปในลักษณะเดียวกับที่ทรัมป์เคยใช้ในการพบปะหารือครั้งแรกกับ นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ที่เกาะเซนโตซา ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา คือ ทั้งสองผู้นำจะสนทนากันเป็นการส่วนตัวสองต่อสองในช่วงเช้า โดยมีเพียงล่ามเข้าร่วมด้วย จากนั้นจึงจะออกมาสนทนาแบบเป็นคณะในช่วงกลางวัน

● เศรษฐเสวนา จุฬาฯทัศนะ | 'ทรัมป์-คิม ซัมมิท' กับผลการประชุม ที่จะเปลี่ยนเอเชียตะวันออกไปตลอดกาล

ทั้งสองผู้นำตกลงที่จะให้ความร่วมมือและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในหลายเรื่อง อาทิ การร่วมกันควบคุมการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ การร่วมมือกันป้องกันการก่อการร้ายข้ามชาติ การทำงานร่วมกันเพื่อสันติภาพในซีเรีย ทั้งนี้ ไม่มีการลงลึกในรายละเอียด แต่ผู้นำทั้งสองกล่าวในการแถลงข่าวว่า นับจากนี้จะมีการจัดคณะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด

 

[caption id="attachment_298587" align="aligncenter" width="503"] via https://youtu.be/2-Xw0_2eMJg via https://youtu.be/2-Xw0_2eMJg[/caption]

เป็นที่สังเกตว่า ไม่มีการพูดถึงเรื่องการที่สหรัฐฯ และชาติตะวันตกแซงค์ชั่นทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย แต่ทั้งนี้ ทรัมป์ กล่าวว่า ความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นระหว่างทั้งสองประเทศในอดีตที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ทั้งสองประเทศ คือ ทั้งสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย ต่างมีส่วนผิดและต้องร่วมกันรับผิดชอบ ผู้นำสหรัฐฯ ไม่ได้กล่าวโทษฝ่ายรัสเซีย หนำซ้ำในทวิตเตอร์ของเขายังระบุว่าด้วยว่า "ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ก็เคยทำตัวโง่เง่า" เขากล่าวคำนี้อีกครั้งในการแถลงข่าว ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์มองว่า ท่าทีของทรัมป์ในครั้งนี้อ่อนข้อให้รัสเซียมากเกินไป และนั่นทำให้ปูตินกลายเป็น "ผู้ชนะ" ในการประชุมซัมมิตครั้งนี้

แม้ในเรื่องที่ทั้งสองประเทศเป็นคู่แข่งกัน เช่น เรื่องธุรกิจพลังงาน ซึ่งรัสเซียเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ไปยังประเทศยุโรป และสหรัฐฯ เอง ก็พยายามจะเจาะตลาดยุโรปเพื่อส่งออกก๊าซธรรมชาติให้มากขึ้น ทรัมป์หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงประเด็นที่กระทบความสัมพันธ์ แต่เขายอมรับว่า รัสเซียเป็นคู่แข่ง ซึ่งเขาเน้นว่ามีความหมายเชิงบวก และทั้งสองประเทศก็มีศักยภาพที่จะแข็งขันกันในตลาดพลังงาน

 

[caption id="attachment_298588" align="aligncenter" width="503"] โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา via https://youtu.be/2-Xw0_2eMJg โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
via https://youtu.be/2-Xw0_2eMJg[/caption]

เรื่องที่ผู้คนทั่วไปรวมถึงพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลสหรัฐฯ มองว่า ทรัมป์ "สมยอม" เป็นพวกรัสเซียมากเกินไปหลังการประชุมครั้งนี้ นั่นก็คือ เรื่องที่เขาออกมาแถลงข่าว แสดงความเชื่อว่า รัสเซียไม่มีส่วนพัวพันในคดีการโจรกรรมข้อมูลจากพรรคเดโมแครตเพื่อทำให้เขาซึ่งเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2559

ทรัมป์ ระบุว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาเอง และรัสเซียก็ไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด ซึ่งการกล่าวเช่นนี้ถือเป็นการหักหน้าและลบล้างคำตัดสินของอัยการพิเศษของสหรัฐฯ ที่ได้ส่งฟ้องเจ้าหน้าที่ข่าวกรองรัสเซีย 12 คน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 ก.ค.) ข้อหาโจรกรรมข้อมูลจากพรรคเดโมแครตและแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐฯ โดยมีการลงรายละเอียดและหลักฐานต่าง ๆ แต่ทรัมป์เองกลับมาปฏิเสธและเข้าข้างฝ่ายรัสเซียในเรื่องนี้ นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งกล่าวว่า นี่คือ รางวัลที่ทรัมป์มอบให้กับรัสเซีย (เป็นการตอบแทนที่ช่วยให้เขาชนะเลือกตั้ง) "ประธานาธิบดีปูตินบอกว่า ไม่ใช่ (ฝีมือ) รัสเซีย ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรที่จะเป็นรัสเซีย" ทรัมป์ตอบเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เขาเชื่อผู้นำรัสเซียหรือไม่

หลายคนแสดงความผิดหวังต่อท่าทีของทรัมป์ และมีผู้สร้างแฮชแท็ก BAF ที่มาจากคำว่า Blame America First หรือ โทษอเมริกาไว้ก่อน เป็นการประชดประชันสโลแกนเลือกตั้ง "อเมริกาต้องมาก่อน" (America First) ของประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อครั้งเลือกตั้งปลายปี 2559  กระนั้นก็ตาม สำหรับทรัมป์เอง เขามองว่า จากการหารือซัมมิตครั้งนี้ พวกเขาได้เริ่มเดินก้าวแรกไปสู่อนาคตที่สดใส ในเรื่องความร่วมมือและสันติภาพกับรัสเซียแล้ว


……………….
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ลุ้น 'ทรัมป์' ถอยมาตรการภาษี! แรงหนุนเศรษฐกิจ-เงินสะพัดรับเลือกตั้ง ดันเป้าดัชนีครึ่งหลัง
นำ '4 หมูป่า' ออกจากถ้ำหลวงแล้ว! 'ณรงศักดิ์' เผย "วันนี้ราบรื่นมาก" - 'ทรัมป์' ทวีตชม "กล้าหาญ"


e-book-1-503x62