"หุ้นกลุ่มค้าปลีก" รายได้ลด! หมดอานิสงส์ช็อปช่วยชาติ

16 ก.ค. 2561 | 06:36 น.
ยกเลิกช็อปช่วยชาติทำเม็ดเงินใช้จ่ายไตรมาส 4/61 ลดลง 2 หมื่นล้านบาท กระทบหุ้นกลุ่มค้าปลีก HMPRO, BEAUTY, COM7 กระทบมากสุด BJC-ROBINS กระทบปานกลาง ส่วน CPALL กระทบน้อยสุด

จากกรณีที่ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า "โครงการช็อปช่วยชาติ" ที่รัฐบาลได้ดำเนินการมาแล้ว 3 ปี เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนที่เป็นคนชั้นกลางของประเทศ ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ในวงเงินไม่เกินคนละ 15,000 บาท นำมาหักค่าลดหย่อนภาษีได้ ในปีนี้จะยกเลิกไป เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันเริ่มดีขึ้น

โดยในปี 2562 กระทรวงการคลังจะออกมาตรการชดเชยเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้กับผู้มีรายได้น้อยที่ใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรสวัสดิการคนจน ในการซื้อสินค้าทั่วไปที่ถูกคิดภาษีมูลค่าเพิ่ม

ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัสฯ ประเมินว่า การยกเลิกมาตรการช็อปช่วยชาติจะทำให้เม็ดเงินใช้จ่ายในไตรมาส 4/61 ลดลงราว 2 หมื่นล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และทำให้เงินคืนภาษีที่ผู้บริโภคเคยได้รับหายไปราว 2 พันล้านบาท อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์บีบีซีไทย

 

[caption id="attachment_297853" align="aligncenter" width="408"] อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์[/caption]

ถือได้ว่า มีผลต่อวงกว้าง เนื่องจากผู้บริโภคเกือบทุกกลุ่มสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษี จากการใช้จ่ายช่วงมาตรการช็อปช่วยชาติมีผลได้

ขณะที่ ผลบวกจากมาตรการชดเชยเงินภาษี VAT ในปี 2562 ที่มีระยะเวลาราว 1-3 เดือน หากพิจารณาผู้ได้รับผลบวก มีเพียงผู้ถือบัตรสวัสดิการคนจน จำนวน 11.4 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนต่อประชากรวัยทำงานที่มีอายุ 23 ปีขึ้นไป อยู่ที่ 24.7%

ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินผลกระทบต่อกลุ่มค้าปลีก หากยกเลิกมาตรการช็อปช่วยชาติและหักล้างผลบวกจากมาตรการชดเชยเงินภาษี VAT พบว่า จะส่งผลต่อกลุ่มลูกค้าปลีก ดังนี้

กระทบมากสุด คือ กลุ่มที่ขายสินค้าฟุ่มเฟือย หรือ ราคาแพงเป็นหลัก เช่น บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) - HMPRO , บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) - BEAUTY , บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) - COM7 ทั้ง 3 รายนี้ จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากเชื่อว่าจะรับผลกระทบจากการยกเลิกมาตรการช็อปช่วยชาติมากสุด แต่กลับได้รับผลบวกจากการชดเชย VAT น้อยที่สุด

สำหรับกลุ่มสินค้าหลากหลาย อาทิ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) - BJC , บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) - ROBINS จะได้รับผลกระทบปานกลาง เพราะได้รับผลกระทบจากการยกเลิกมาตรการช็อปช่วยชาติปานกลาง ขณะเดียวกัน ก็รับผลบวกจากการชดเชย VAT ปานกลางเช่นกัน

โดยที่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อย่าง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) - CPALL คาดว่ารับผลกระทบจากการยกเลิกมาตรการช็อปช่วยชาติน้อยสุด และรับผลบวกจากการชดเชย VAT น้อยสุดเช่นกัน

ทั้งนี้ การยกเลิกมาตรการช็อปช่วยชาติในปี 2561 นี้ และเมื่อดูจากภาพรวมของฐานยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 3 และ 4 ปี 2560 ที่เฉลี่ยสูง 3% และ 2% ตามลำดับ หากเทียบกับฐาน SSSG ในไตรมาส 1 และ 2 ปีเดียวกัน ที่ติดลบ 5% และ 6% ตามลำดับ เชื่อว่าอาจเป็นความเสี่ยงต่อประมาณการยอดขายกลุ่มค้าปลีกในปี 2561 นี้ เพราะฝ่ายวิจัยกำหนดอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม โดยให้ปี 2561 นี้ มีมาตรการช็อปช่วยชาติด้วย

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัสฯ ยังคงประมาณการกำไรกลุ่มค้าปลีกไว้เท่าเดิมและให้น้ำหนักลงทุนเท่าตลาด เนื่องจากราคาหุ้นในกลุ่มปรับตัวขึ้นใกล้เคียงมูลค่าพื้นฐานแล้ว โดยซื้อขายที่ PER 29 เท่า ใกล้ค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง ที่ 28 เท่า เลือก BJC ที่มี Upside สูง 29.0% เป็น Top Pick ของกลุ่ม


……………….
เซกชัน : ตลาดทุน โดย นสพ.ฐานเศรษฐกิจ

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,383 วันที่ 15-18 ก.ค. 2561 หน้า 17-18

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
หุ้นค้าปลีกกําไรหด5% ลุ้นรัฐปลุกกําลังซื้อQ3
‘ทาลิส’แนะเลี่ยงหุ้นเก็งกำไรสูง รับมือเหตุไม่คาดคิด มุ่งหุ้นค้าปลีก-สินเชื่อบุคคลโตดี


e-book-1-503x62-7