ธปท.ชู3หัวใจหลักพัฒนาระบบการเงิน

20 ก.ค. 2561 | 02:57 น.
ธปท.หนุนแบงก์ไทยลุยอาเซียน ผ่านความร่วมมือจัดตั้ง QABs เน้นนโยบายหลัก 3 ด้าน การพัฒนาระบบการเงินในอนาคต “เทคโนโลยี-มีภูมิคุ้มกัน-ประชาชนได้ประโยชน์”

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวภายในงาน“การประชุมสุดยอดผู้นำธุรกิจในอาเซียน หรือ Bloomberg ASEAN Business Summit ครั้งที่ 4 ว่า ธปท.ไม่เพียงดูแลเสถียรภาพการเงินหรือเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังต้องพัฒนาระบบการเงิน เพื่อยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจไทยให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเติบโตในอนาคต เพราะภายใต้ความผันผวนเศรษฐกิจไทย ต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ทั้งหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ความเสี่ยงจากสงครามทางการค้าโลก ก่อให้เกิดความท้าทายต่อเสถียรภาพระบบการเงินไทย

[caption id="attachment_297834" align="aligncenter" width="304"] วิรไท วิรไท สันติประภพ[/caption]

ดังนั้นหัวใจสำคัญในการพัฒนาระบบการเงินในอนาคตคือ 1.ใช้เทคโนโลยีที่เพิ่มประสิทธิภาพ 2.มีภูมิคุ้มกันที่มีเสถียรภาพและเป็นกันชนรองรับ และ 3. ประชาชนได้รับประโยชน์จากการพัฒนาด้วย โดยเฉพาะประชาชนฐานรากที่มีรายได้ต่ำ ซึ่งธปท.ได้ร่วมมือกับภาคธุรกิจและภาครัฐ เห็นได้จากตัวอย่างระบบโอนเงินรูปแบบใหม่(พร้อมเพย์) ช่วยในการลดต้นทุนทั้งการโอนและบริหารเงินสด

จากการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน ทั้งธปท. ภาคธุรกิจและธนาคารพาณิชย์ต่างเห็นถึงศักยภาพการสร้างความเชื่อมโยงในตลาดการเงินและห่วงโซ่ซัพพลายเชน โดยมีการลงทุนระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลงทุนในอินโดนีเซีย ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ในอาเซียน ซึ่งธปท.ยังร่วมมือกับธนาคารกลางของประเทศในภูมิภาค เห็นได้จากนโยบายใช้เงินสกุลท้องถิ่น(Local Currency)ในการค้าขาย โดยเริ่มจากสกุลเงินริงกิตมาเลเซียและขยายไปใช้รูเปียอินโดนีเซีย

“เราส่งเสริมให้ธนาคารในอาเซียนไปลงทุนได้สะดวกและง่ายขึ้นผ่านการจัดตั้ง Qualified ASEAN Banks :QABs ซึ่งปัจจุบันมีความคืบหน้ากับมาเลเซีย แต่ยังต้องรอกระบวนการหลังเลือกตั้ง และร่วมพัฒนาระบบป้องกันภัยไซเบอร์ กรณีเกิดเหตุในประเทศหนึ่ง เพื่อเตือนสถาบันการเงินได้รวดเร็ว รวมถึงส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ในสถาบันการเงิน”

   หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่38 ฉบับที่ 3,383 วันที่ 15 - 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

e-book-1-503x62