ปั้นกรุงเทพฯสู่ศูนย์กลางงานศิลป์ระดับนานาชาติ Hotel Art Fair Bangkok 2018

14 ก.ค. 2561 | 04:40 น.
ช่วงเวลาเดียวกันนี้ของเดือนก่อนมีหนึ่งงานที่ผู้ชื่นชอบงานศิลปะรอคอยเกิดขึ้นใจกลางกรุงเทพมหานคร กับการเนรมิตห้องสวีตมากกว่า 6 ชั้น (ชั้น 24 -25 และ 29 – 32) รวม 34 ห้อง ของโรงแรม 137 Pillars Suites & Residences Bangkok สุขุมวิท 39 ให้เป็นอาร์ต สเปซ รูปแบบใหม่ สอดคล้องกับแนวคิดเชื่อมต่องาน

ศิลปะเข้าไปอยู่ในทุกรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างลงตัว การบรรจงคัดสรรและจัดวางพื้นที่ภายใต้แนวคิด “ART in THE SKY” สร้างวิมานศิลป์ในอากาศ โดยฟาร์มกรุ๊ป (Farmgroup) ในปีนี้ นอกจากได้รับการสนับสนุนโดยบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อย่าง “แสนสิริ” แล้ว ความสำเร็จตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ในปีนี้ Hotel Art Fair ได้รับการตอบรับจากศิลปินและแกลลอรีชั้นนำทั้งไทยและจากต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น จีน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ รวมถึงแกลลอรีชั้นนำจากทั่วประเทศมากกว่า 30 แกลลอรี ทีสำคัญคือมีผู้เข้าชมและจับจองงานศิลปะตลอดวันที่ 9-10 มิถุนายน ที่ผ่านมาอย่างหนาแน่น

ภายใต้บรรยากาศที่แสนจะลงตัวของ 137 Pillars ที่นอกจากจะโดดเด่นด้านโลเกชัน ตั้งอยู่ใจกลางเมือง สะดวกต่อการเดินทางทุกรูปแบบแล้ว รูปแบบของสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในโรงแรมยังมีความร่วมสมัย แสดงถึงจิตวิญญาณของการใช้ศิลปะผ่านลูกเล่นแบบสมัยใหม่ ที่สำคัญคือความพยายามในการสอดแทรกศิลปะแบบไทยเข้าไปอยู่ในทุกห้องพัก อาทิ ห้องสวีตที่ตั้งชื่อตามยุคประวัติศาสตร์ที่สำคัญของไทย หรือการประดับภาพวาดดอกไม้ไทย เป็นต้น ซึ่งเมื่อพิจารณาทุกองค์ประกอบ 137 Pillars นับเป็นพื้นที่ที่จะถ่ายทอดความเป็น “วิมานศิลป์ในอากาศ” ได้อย่างกลมกล่อมที่สุด เพราะนอกจากผู้ชื่นชอบงานศิลปะจะได้ชมผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่โด่งดังระดับโลก พร้อมพบปะพูดคุยกับศิลปินผู้สร้างสรรค์อย่างใกล้ชิดแล้ว บรรยากาศโดยรอบที่โอบล้อมด้วยวิวกรุงเทพมหานคร สุดตระการตา ขับกล่อมด้วยดนตรีอันไพเราะ การได้เดินลัดเลาะไปตามห้องต่างๆ ที่จัดแสดงอย่างวิจิตรบรรจงคือการเติมเต็มประสบการณ์ที่ทุกประสาทสัมผัสจะเปิดรับความสุขได้แบบไม่มีขีดจำกัด

ผลงานของมานาบุ โคงะ (Manabu Koga)_2

คุณอู้ - นพปฎล พหลโยธิน ประธานบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับงานนี้ถือเป็นการ “Bring Art to Thai Community” เป็นการนำเอาศิลปะมาให้ใกล้ชิดกับคนไทยมากขึ้น สอดคล้องกับแบรนด์แสนสิริ ที่เราเชื่อเช่นกันว่าศิลปะและความคิดสร้างสรรค์จะเป็นการเติมเต็มรสนิยมการอยู่อาศัยในทุกมิติให้ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น  การเล็งเห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ทั่วโลกที่ “งานศิลปะหรืองานดีไซน์” ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจใหม่ๆ ของการใช้ชีวิต
ที่จะเข้าไปเติมเต็มประสบการณ์ได้ในทุกมิติ ตอกยํ้าภาพของเทรนด์การอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ที่มีคำนิยามสั้นๆ ว่า “Next - Generation living and how we live, work, play”

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นปีแรกที่แสนสิริได้เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนงาน Hotel Art Fair Bangkok 2018 อย่างเป็นทางการ โดยทีมแสนสิริมีความเชื่อว่า เวทีนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมต่อแสนสิริกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ในแวดวงศิลปะและงานดีไซน์ ซึ่งถือเป็นการแสวงหาพันธมิตรรูปแบบใหม่ที่ทำให้ “แสนสิริ” ก้าวสู่การเป็นผู้นำเทรนด์ไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตที่เข้าใจ และเข้าถึงจิตวิญญาณของผู้บริโภคอย่างรอบด้าน ตามแนวคิด “Complete your living experience” ที่รวมถึงไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยว การพบปะสังสรรค์ และการสร้างแรงบันดาลใจ

ภายในงานนี้แสนสิริได้ร่วมมือกับศิลปินชาวฟิลิปปินส์ดูโอ้ 2 ท่านคือ Alfredo & Isabel Aquilizian ศิลปินที่โด่งดังมากในเรื่องของงานศิลปะแบบจัดวาง (Installation) ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ จนได้รับการยอมรับและ
มีผลงานในงาน Art Bienale มาแล้วทั่วโลก โดยการรังสรรค์ครั้งนี้คือจัดแสดงป๊อบอัพแกลลอรรีในคอนเซ็ปต์
ที่ชื่อว่า “Dream Up” การสร้างสรรค์ผลงานแบบอิมโพรไวซ์เป็นประติมากรรมที่ประกอบขึ้นจากกระดาษลังรีไซเคิลที่ได้นำเอาสไตล์ และแรงบันดาลใจจากที่อยู่อาศัย ที่หล่อหลอมขึ้นจากผลงานของผู้ชมงานที่มารวมกัน จากอาร์ตพีซเล็กๆหลากหลายที่มาจนกลายเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบ คล้ายกับการสร้างคอมมิวนิตีที่เป็นการอยู่ร่วมกัน
ของคนหลากหลายสไตล์และแชร์ประสบการ์ณ์ที่ดีร่วมกัน ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบใหม่ของงานแสดงศิลปะที่ให้
ผู้เข้าชมมีส่วนร่วมเพื่อสร้างผลงานร่วมกับศิลปิน

ห้อง Clear Gallery Tokyo_2

หนึ่งในห้องจัดแสดงที่ดึงดูดความสนใจจากผู้ชื่นชอบงานศิลปะไม่แพ้ห้องอื่นๆ ผ่านภาพถ่ายที่ดึงความสนใจให้ชื่นชมจังหวะการเคลื่อนไหวใต้นํ้าของหญิงสาวชาวญี่ปุ่นในชุดบิกินีกับถุงเท้ายาวสูงคลุมหัวเข่าไปจนถึงต้นขา มวลนํ้าสีฟ้าใสที่โอบรอบร่างกาย การเคลื่อนไหวที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว จังหวะภาพซึ่งผ่านการนำแนวคิดทางศิลปะผนวกกับแฟชั่นและวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น ฝีมือการถ่ายภาพโดย มร.มานาบุ โคงะ (Manabu Koga) แห่ง Clear Gallery Tokyo ผู้สร้างเส้นขยายของงานศิลปะ นำเสนอ “ภาพ” ซึ่งหลอมรวมลักษณะของภาพถ่ายแบบ “Pictorealism” ซึ่งเป็นแนวความคิดการถ่ายภาพที่นิยมเป็นอย่างมากในช่วงปลาย ค.ศ. 1900 - ต้น ค.ศ. 2000 โดยศิลปะของการถ่ายภาพในยุคนี้คือต้องการให้ภาพถ่ายเหมือนเป็นภาพวาด และรูปสลัก ส่วนมากของรูปภาพเหล่านี้เป็นสีขาว-ดำ หรือซีเปีย มีวิธีการที่ซับซ้อนตั้งแต่กระบวนการถ่ายภาพ จนถึงวิธีการล้างภาพ นอกจากนั้น
มร.มานาบุ โคงะ ยังมีการใช้เทคนิคที่เรียกว่า “Aerial Perspective” หรือการจัดวางรูปโดยใช้คุณสมบัติของอากาศที่อยู่โดยรอบ ผ่านการใช้ประสบการณ์การเป็นนักถ่ายภาพวิดีโอใต้นํ้ามากกว่า 15 ปี สู่การถ่ายภาพที่มีการรังสรรค์ฉาก เครื่องแต่งกาย องค์ประกอบภาพ และทีมครีเอทีฟซึ่งร่วมมือกันศึกษาบริบทต่างๆ ทำการบ้านอย่างหนักเพื่อการถ่ายภาพในแต่ละเซตซึ่งเกิดขึ้นเพียงเดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น เรียกได้ว่างานภาพถ่ายของ มร.มานาบุ โคงะ สะท้อนภาพการหลอมรวมของความคิดและเส้นทางประวัติศาสตร์การภาพถ่าย สู่การนำเสนอในรูปแบบ “New Pictorealism” นำความละมุนและความงดงามจากการหลอมรวมฉากและวัตถุมาสู่ผู้รักใน
ภาพสไตล์นี้อีกครั้ง

มากกว่า 5 ปี ที่ มร.มานาบุ โคงะ ผูกพันกับการรังสรรค์ภาพใต้นํ้า ความสวยงามที่เขาค้นพบความรู้สึกที่อยู่
เบื้องหลังภาพ ความแตกต่างอย่างสุดขั้วของภาวะการเคลื่อนที่ของสสารใต้นํ้า นำมาสู่การเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวา
จนนำมาสู่ภาพที่ตราตรึงใจ เปิดทางความสุขผ่านมุมมองใหม่ให้ผู้เสพศิลป์เข้าถึงความรู้สึกบางอย่างที่แอบซ่อนมานานในหัวใจ

“เพราะชีวิตของคนกรุงเทพฯ ไม่ต่างจากคนในโตเกียว ที่ความเป็นเมืองได้นำภาวะเครียดและกดดันเข้ามารบกวน สมองและจิตใจตลอดเวลา งานศิลปะคือยาขนานใหม่ที่สามารถช่วยเยียวยาความรู้สึกเหล่านั้นได้ และยังพัฒนา
สู่พลังใหม่ๆ ที่คาดไม่ถึงได้เช่นกัน”

แม้งาน Hotel Art Fair Bangkok 2018 จะสิ้นสุดลงไปแล้ว แต่ภาพงานศิลปะต่างๆ ได้รับการบันทึกและถ่ายทอดอย่างละเอียด ติดตามความงดงามของงานศิลปะแห่งปี กุญแจสำคัญที่จะปั้นกรุงเทพฯสู่ศูนย์กลางงานศิลป์ระดับนานาชาติได้ที่ IG: Hotelartfair และ Facebook: Hotel Art Fair

หน้า 26-27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3383 ระหว่างวันที่ 15 - 18 ก.ค. 2561

e-book-1-503x62