"3 บิ๊กลักชัวรี" ชี้ทิศธุรกิจครึ่งปีหลังโต จากปัจจัยหนุนทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การทำตลาดของผู้ประกอบการปลุกกระแสการแข่งขันคึกคัก ขณะที่ DKSH เล็งเปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่จากยุโรป รุกเจาะตลาดเครื่องหนังและเครื่องเขียนไฮเอนด์
สำหรับตลาดสินค้าลักชัวรีและนาฬิกาหรูในเมืองไทย ยังเป็นตลาดที่มีการเคลื่อนไหว
โดยเฉพาะการเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีน ** กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ตลาดมีการเติบโต ขณะที่ พฤติกรรมผู้บริโภค พบว่า จะเลือกซื้อแบรนด์ที่ชื่นชอบเป็นอันดับ 1 รองลงมา คือ ราคาและกลยุทธ์การทำตลาด ขณะที่
ภาพรวมในครึ่งปีแรกไม่โดดเด่น และบางกลุ่มสินค้ามีการเติบโตในสัดส่วนที่ลดลง ทำให้ครึ่งปีหลังถูกจับจ้องว่า ทิศทางจะออกมาเป็นเช่นใด
[caption id="attachment_297539" align="aligncenter" width="335"]
ตุนท์ มหาดำรงค์กุล[/caption]
นายตุนท์ มหาดำรงค์กุล ผู้บริหารระดับสูง ฝ่ายการตลาด บริษัท โทรคาเดโร ไทม์ จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภาพรวมของธุรกิจลักชัวรีและนาฬิกาหรีในครึ่งปีหลัง ถือว่ามีบรรยากาศและสีสันที่ดีขึ้น มีการจับจ่ายที่มากขึ้น หลังจากที่ครึ่งปีแรกชะลอตัวไป ผู้บริโภครอดูสินค้า มากกว่าจับจ่าย
ขณะที่ ปัจจัยลบของธุรกิจคงเป็นเรื่องของเศรษฐกิจว่าจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ดี บริษัทพร้อมเดินหน้ารุกตลาดในครึ่งปีหลังอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในกลุ่มนาฬิกาที่เน้นการทำตลาดในแบรนด์ไฮไลต์ อย่าง กุชชี่และโอริส ซึ่งพบว่า ทุกแบรนด์เริ่มกลับมาดูที่แกนหลักของธุรกิจ (Core Business) พร้อมทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับบริษัทแม่
"ภาพรวมของตลาดนาฬิกาไฮเอนด์และเทรนด์แฟชั่นมีสัญญาณที่ดีขึ้น เห็นได้จากตัวเลขการส่งออกนาฬิกาสวิสมาไทย ขณะเดียวกันจะเห็นว่า แบรนด์ดัง ๆ จากยุโรป อเมริกา ให้ความสำคัญกับตลาดเมืองไทยมาก ดังนั้น บริษัทจึงต้องเดินหน้ารุกตลาด พร้อมสื่อสารภาพลักษณ์ที่เป็นจุดแข็งของแบรนด์ รวมไปถึงการจัดกิจกรรมการตลาด การทำ Pop-Up Store การปรับโฉมเคาน์เตอร์จัดจำหน่าย รวมถึงการปรับลุคยูนิต
"ดี วอทช์ คาเฟ่" ให้มีสไตล์โมเดิร์นลักชัวรี ขณะที่ เรื่องของการบริหารหลังการขายก็เป็นเรื่องสำคัญ ทำให้บริษัทต้องเปิดให้บริการดูแลแบบ Personalize Service และ Watch Clinic ด้วย"
สำหรับการทำตลาดในครึ่งปีหลัง
จะเห็นการรีแบรนด์สินค้าเพื่อรองรับตลาด ไม่ว่าจะเป็น
'โอริส' ที่รีแบรนดิ้งครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมปรับโลโก้ภาพลักษณ์ปรัชญาการดำเนินธุรกิจใหม่ ขณะที่
'กุชชี่' ก็เปิดตัว Pop-Up Store ครั้งแรกภายใต้คอนเซ็ปต์
"The One & Only" เป็นต้น
[caption id="attachment_297540" align="aligncenter" width="335"]
ทิพาณัท เลณบุรี[/caption]
ด้าน นางทิพาณัท เลณบุรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดในครึ่งปีแรกถือว่าดี เป็นบวก เห็นได้จากการที่มีลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น และแต่ละแคมเปญการตลาดที่ทำออกไป ได้รับการตอบรับที่ดี ทำให้จะเห็นแคมเปญต่าง ๆ ออกต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง
อีกปัจจัย คือ ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ทำให้นาฬิกาลักชัวรีได้รับการตอบรับที่ดีไปด้วย
"ทั้ง 12 แบรนด์ที่บริษัทนำเข้ามาและจัดจำหน่าย มียอดขายเติบโตทุกแบรนด์และเป็นการโตอย่างจริงจัง เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีการเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว ขณะที่ ไทยถือเป็นตลาดสำคัญทำยอดขายในระดับท็อปของตลาดในเอเชีย ร่วมกับมาเลเซียและสิงคโปร์"
อย่างไรก็ดี
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ "สวอท์ช กรุ๊ป" ได้รับการตอบรับที่ดี คือ การที่บริษัทคงราคาสินค้า โดยไม่ปรับขึ้นตามอัตราแลกเปลี่ยนมาต่อเนื่อง ราว 4-5 ปี ทำให้ลูกค้ารับรู้และรู้สึกคุ้มค่าที่เลือกซื้อ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทเน้นทำกิจกรรม
"บีโลว์ เดอะ ไลน์" โดยร่วมกับห้างสรรพสินค้าทำโปรโมชัน เพื่อเข้าถึงลูกค้าและทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้น รวมทั้งการขยายสาขาตามต่างจังหวัดที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งแม้ผู้บริโภคในต่างจังหวัดจะมีกำลังซื้อน้อย แต่มีปริมาณคนมาก ขณะที่ พฤติกรรมผู้บริโภคในต่างจังหวัดจะไม่นิยมซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ เพราะมีความเสี่ยงสูง แต่เลือกที่จะซื้อสินค้าตามจุดขายมากกว่า ดังนั้น การมีพนักงานขายและให้บริการศูนย์ซ่อมและบริการหลังการขายจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อง่ายขึ้น
[caption id="attachment_297541" align="aligncenter" width="277"]
วรรณชื่น ทองเย็น[/caption]
น.ส.วรรณชื่น ทองเย็น ผู้จัดการอาวุโส แผนกลักซัวรีแอนด์ไลฟ์สไตล์ บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
ภาพรวมของตลาดสินค้าลักชัวรีในเอเชียมีการเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งไทยเป็นประเทศที่มีการเติบโตมากที่สุด โดยสินค้าลักชัวรีที่ได้รับความนิยมมีทั้งนาฬิกา เครื่องหนัง สินค้าไลฟ์สไตล์ เป็นต้น ทำให้แบรนด์สินค้าชั้นนำต่างสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น
"ตลาดนาฬิกาทรงตัวมา 2-3 ปี แต่ปีนี้จะดีขึ้น ขณะที่ ตลาดสินค้าลักชัวรีมีการเติบโตต่อเนื่อง
โดยปัจจัยที่ทำให้สินค้าลักชัวรีมียอดขายดี คือ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ ราคาสินค้าในปัจจุบันไม่แตกต่างจากฮ่องกงและสิงคโปร์ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญมากนัก ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าเมื่อเลือกซื้อ"
อย่างไรก็ดี ในครึ่งปีหลัง บริษัทเน้นการทำตลาดมากขึ้น โดยในเดือน ส.ค. นี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มลักชัวรีอีก 2 แบรนด์ ในกลุ่มเครื่องหนังและเครื่องเขียน ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์ มาจากยุโรป โดยขณะนี้เริ่มทดลองทำตลาดและวางจำหน่ายในเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าแล้ว
……………….
เซกชัน : การตลาด โดย นสพ.ฐานเศรษฐกิจ
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,383 วันที่ 15-18 ก.ค. 2561 หน้า 36+35
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
●
ทำเลสาทร-พระราม 4 ระอุ! ยักษ์อสังหาฯ แข่งผุดโปรเจ็กต์ซูเปอร์ลักชัวรี
●
เจาะลึกเทรนด์ ‘ลักชัวรี’ ในยุคมิลเลนเนียล