‘ระนอง’ หวั่นแรงงานขาด ผลพวงรัฐจัดชุดปฏิบัติการ 113 ทีมตรวจเข้มทั่วประเทศ
4 องค์กรเอกชนระนองหวั่นขาดแคลนแรงงาน หลังภาครัฐจัดชุดปฏิบัติการตรวจเข้ม ภายหลังสิ้นสุดการจัดทำทะเบียนประวัติขออนุญาตทำงาน และพิสูจน์สัญชาติของแรงงานต่างด้าว แถมเจอปัญหาใหม่ต่างด้าวเข้ามาประกอบกิจการแข่งกับคนไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสิ้นสุดการจัดทำทะเบียนประวัติ ขออนุญาตทำงาน และพิสูจน์สัญชาติของแรงงานต่างด้าว(เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2561 และตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป กระทรวงแรงงาน ได้บูรณาการตรวจร่วมกับตำรวจในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม และจับกุมแรงงานต่างด้าวผิด กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจัดชุดปฏิบัติการ 113 ทีม ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ที่ร่วมกันออกตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมและดำเนินคดีนายจ้าง/สถานประกอบการและแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
นางนฤมล ขรภูมิ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ทาง 4 องค์กรเอกชนในจังหวัดระนอง ประกอบด้วยหอการค้าจังหวัดระนอง สภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนอง สมาคมผู้ประกอบการประมงจังหวัดระนองและสมาคมผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง กำลังเป็นห่วงและกังวลมากที่สุด คือ ปัญหาขาด แคลนแรงงาน และการเคลื่อนย้ายของแรงงาน แม้ว่าปัจจุบันจะมีแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทำงานในไทยมาก แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ ประกอบกับ ยิ่งขณะนี้มีปัญหาผลกระทบจากการประกาศใช้กฎหมายควบคุมแรงงานต่างด้าวฉบับใหม่ อาจจะเร่งเร้าให้วิกฤติปัญหาแรงงานรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ อีกทั้งแรงงานที่เข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน เริ่มพัฒนาฝีมือแรงงานตนเอง และบางส่วนเริ่มทยอยกลับประเทศจนทำให้แรงงานประเภทไร้ฝีมือเริ่มขาดแคลนอย่างเห็นได้ชัด
[caption id="attachment_308087" align="aligncenter" width="450"]
นฤมล ขรภูมิ/Photo :phuketpostnews.blogspot.com[/caption]
“ทางผู้ประกอบการธุรกิจการค้า กลุ่มผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดระนอง และต่างจังหวัด กำลังวิตกต่อปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ที่นับวันจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะจากการศึกษาข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า โครงสร้างประชากรของไทย วัยเรียน วัยทำงาน และวัยเกษียณ ไม่สมดุลกัน ซึ่งจะส่งผลต่อปัญหาขาดแคลนแรงงานในระดับที่รุนแรง ซึ่งปัจจุบันปัญหาดังกล่าวก็เริ่มปรากฏให้เห็นจากการที่ไทยต้องนำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านกว่า 10 ล้านคน เพื่อเข้ามาทดแทนแรงงานที่ขาดแคลน แต่พบว่าก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ”
นายนิตย์ อุ่ยเต็กเค่ง ที่ปรึกษาคณะกรรมการหอการค้าจ.ระนอง กล่าวว่าตนเห็นด้วยที่รัฐบาลเปิดให้มีการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวนอกระบบในช่วงที่ผ่านมา เพราะจะเป็นผลดีต่อการจัดทำฐานข้อมูล เพื่อการจัดระเบียบและควบคุมคนกลุ่มนี้ต่อไปในอนาคต แต่ที่หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงกันมากตั้งแต่แรก คือ การขยายสาขาอาชีพให้ต่างด้าวเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะพบว่าในบางกิจการที่พิจารณาดูแล้วยังเป็นกิจการที่คนไทยยังต้องการที่จะทำ ยังไม่จำเป็นถึงขั้นที่จะต้องจ้างคนต่างด้าวทำงาน ปัญหาที่ภาครัฐน่าจะเป็นห่วง คือ ปัญหาการว่างงานของคนไทยมากกว่าที่จะขยายเปิดกว้างด้านอาชีพกับคนต่างด้าวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และที่น่าเป็นห่วงอีกประการ คือ การประกอบกิจการหลายสาขาแข่งขันกับคนไทย ในสาขาอาชีพที่ยังมีการสงวนให้กับคนไทย ที่กำลังเป็นปัญหาที่จังหวัดระนองเป็นอย่างมากในขณะนี้
ด้านนายชัยวัฒน์ วิทิตธรรมวงศ์ ประธานสภาอาวุโสสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก ปฏิบัติหน้าที่ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก เปิดเผยว่า การเข้มงวดกวดขัน กวาดล้างปราบปรามจับกุมแรงงานผิดกฎหมายของเจ้าหน้าที่นั้น ยังไม่กระทบต่อการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าวในพื้นที่ชายแดน เนื่อง จากพื้นที่ชายแดนได้อนุญาตให้แรงงาน 3 สัญชาติ เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา เข้ามาทำงานลักษณะเป็นการชั่วคราว หรือตามฤดูกาล ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการสามารถนำแรงงานขออนุญาตทำงานได้ทุกวัน ทำให้ลดปัญหาหรือแก้ปัญหาแรงงานที่มีความประสงค์จะเข้ามาทำงานได้โดยไม่ผิดกฎหมาย
หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,382 วันที่ 12-14 กรกฎาคม 2561
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสิ้นสุดการจัดทำทะเบียนประวัติ ขออนุญาตทำงาน และพิสูจน์สัญชาติของแรงงานต่างด้าว(เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2561 และตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป กระทรวงแรงงาน ได้บูรณาการตรวจร่วมกับตำรวจในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม และจับกุมแรงงานต่างด้าวผิด กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจัดชุดปฏิบัติการ 113 ทีม ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ที่ร่วมกันออกตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมและดำเนินคดีนายจ้าง/สถานประกอบการและแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
นางนฤมล ขรภูมิ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ทาง 4 องค์กรเอกชนในจังหวัดระนอง ประกอบด้วยหอการค้าจังหวัดระนอง สภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนอง สมาคมผู้ประกอบการประมงจังหวัดระนองและสมาคมผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง กำลังเป็นห่วงและกังวลมากที่สุด คือ ปัญหาขาด แคลนแรงงาน และการเคลื่อนย้ายของแรงงาน แม้ว่าปัจจุบันจะมีแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทำงานในไทยมาก แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ ประกอบกับ ยิ่งขณะนี้มีปัญหาผลกระทบจากการประกาศใช้กฎหมายควบคุมแรงงานต่างด้าวฉบับใหม่ อาจจะเร่งเร้าให้วิกฤติปัญหาแรงงานรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ อีกทั้งแรงงานที่เข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน เริ่มพัฒนาฝีมือแรงงานตนเอง และบางส่วนเริ่มทยอยกลับประเทศจนทำให้แรงงานประเภทไร้ฝีมือเริ่มขาดแคลนอย่างเห็นได้ชัด
[caption id="attachment_308087" align="aligncenter" width="450"]
“ทางผู้ประกอบการธุรกิจการค้า กลุ่มผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดระนอง และต่างจังหวัด กำลังวิตกต่อปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ที่นับวันจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะจากการศึกษาข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า โครงสร้างประชากรของไทย วัยเรียน วัยทำงาน และวัยเกษียณ ไม่สมดุลกัน ซึ่งจะส่งผลต่อปัญหาขาดแคลนแรงงานในระดับที่รุนแรง ซึ่งปัจจุบันปัญหาดังกล่าวก็เริ่มปรากฏให้เห็นจากการที่ไทยต้องนำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านกว่า 10 ล้านคน เพื่อเข้ามาทดแทนแรงงานที่ขาดแคลน แต่พบว่าก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ”
นายนิตย์ อุ่ยเต็กเค่ง ที่ปรึกษาคณะกรรมการหอการค้าจ.ระนอง กล่าวว่าตนเห็นด้วยที่รัฐบาลเปิดให้มีการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวนอกระบบในช่วงที่ผ่านมา เพราะจะเป็นผลดีต่อการจัดทำฐานข้อมูล เพื่อการจัดระเบียบและควบคุมคนกลุ่มนี้ต่อไปในอนาคต แต่ที่หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงกันมากตั้งแต่แรก คือ การขยายสาขาอาชีพให้ต่างด้าวเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะพบว่าในบางกิจการที่พิจารณาดูแล้วยังเป็นกิจการที่คนไทยยังต้องการที่จะทำ ยังไม่จำเป็นถึงขั้นที่จะต้องจ้างคนต่างด้าวทำงาน ปัญหาที่ภาครัฐน่าจะเป็นห่วง คือ ปัญหาการว่างงานของคนไทยมากกว่าที่จะขยายเปิดกว้างด้านอาชีพกับคนต่างด้าวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และที่น่าเป็นห่วงอีกประการ คือ การประกอบกิจการหลายสาขาแข่งขันกับคนไทย ในสาขาอาชีพที่ยังมีการสงวนให้กับคนไทย ที่กำลังเป็นปัญหาที่จังหวัดระนองเป็นอย่างมากในขณะนี้
ด้านนายชัยวัฒน์ วิทิตธรรมวงศ์ ประธานสภาอาวุโสสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก ปฏิบัติหน้าที่ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก เปิดเผยว่า การเข้มงวดกวดขัน กวาดล้างปราบปรามจับกุมแรงงานผิดกฎหมายของเจ้าหน้าที่นั้น ยังไม่กระทบต่อการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าวในพื้นที่ชายแดน เนื่อง จากพื้นที่ชายแดนได้อนุญาตให้แรงงาน 3 สัญชาติ เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา เข้ามาทำงานลักษณะเป็นการชั่วคราว หรือตามฤดูกาล ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการสามารถนำแรงงานขออนุญาตทำงานได้ทุกวัน ทำให้ลดปัญหาหรือแก้ปัญหาแรงงานที่มีความประสงค์จะเข้ามาทำงานได้โดยไม่ผิดกฎหมาย
หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,382 วันที่ 12-14 กรกฎาคม 2561
