หุ้นไทยไม่ดึงดูดต่างชาติ‘กรณ์’แนะเพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน

16 ก.ค. 2561 | 04:22 น.
หุ้นไทยไม่ดึงดูดต่างชาติต่างชาติ‘กรณ์’แนะเพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน

ปัจจัยพื้นฐานดี แต่โครงสร้างเศรษฐกิจเปลี่ยน ตลาดหุ้นไทยถ่วงนํ้าหนักดัชนี MSCI น้อยลง เหตุต่างชาติเมิน “กรณ์” แนะเร่งเพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน มองกลุ่มประเทศ CLMV กำลังซื้อสูง

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนาประจำปีของ ฟินโนมีนากับงาน Unlock Day III ว่า การลงทุนในตลาดหุ้นขณะนี้  ไม่ได้กังวลว่าจะเกิดภาวะฟองสบู่เหมือนอดีต เพราะเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวมาต่อเนื่องตลอดในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เพราะได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจากภาคเกษตรมาเป็นภาคอุตสาหกรรมหรือที่เรียกว่า ยุค 3.0

[caption id="attachment_296845" align="aligncenter" width="301"] กรณ์ จาติกวณิช กรณ์ จาติกวณิช[/caption]

แต่ปัจจุบันโมเดลธุรกิจเดิมๆหมดไป ต้องหายุทธศาสตร์ใหม่ รัฐบาลจึงประกาศไทยแลนด์ 4.0 แต่ก็ไม่มีอะไรมาการันตีความสำเร็จได้ เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจไม่เหมือนเมื่อ 30 ปี ปัจจุบันทุนใหญ่ได้เปรียบมาก ทุนขนาดเล็กและกลางจะโตเหมือนเมื่อ 30 ปีก่อนทำยากขึ้น ทุกอย่างต้องพึ่งพาเส้นสายมากขึ้น เป็นการพัฒนากลับด้าน

“ขณะนี้ไม่ชัดเจนว่า การที่จะให้เศรษฐกิจเติบโต 7-8% จะมาจากอะไร ต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนเหมือน 30 ปีก่อนด้วยเหตุผลอะไร  แต่ก่อนสัดส่วนตลาดหุ้นไทยในดัชนี MSCI เป็นประมาณ 15% แต่ปัจจุบันไม่ถึง 1% เพราะมีจีนและอินเดียเข้ามา ดังนั้นความสำคัญของตลาดหุ้นไทยน้อยกว่าในอดีตมาก เพราะเล็กเกินไป ดังนั้นการที่จะทำให้ต่างชาติหันกลับมาสนใจได้ เราต้องมีขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศมากขึ้นกว่าปัจจุบัน”

สำหรับการลงทุนยังมองว่า การจับกระแสหลักให้ถูกเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งกระแสหลักขณะนี้คือ การเติบโตและกำลังซื้อจะมาจากต่างประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงมากกว่าคนไทย  เพราะเรากำลังย่างเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ กำลังซื้อจะไม่โตขึ้นมาก แต่โชคดีคือกำลังซื้อประเทศเพื่อนบ้าน (กลุ่มประเทศ CLMV)จะโตขึ้นมาก ทั้งเมียนมา เวียดนาม กัมพูชา และลาวที่มีกำลังซื้อมาก รวมถึงจีนและอินเดียด้วย ประเทศเหล่านี้นิยมสินค้าไทย และมองว่า สินค้าที่ผลิตในไทยเป็นสินค้าพรีเมียม ดังนั้นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะต่อไปจะมาจากประเทศเหล่านี้ ถ้าอ่านเกมถูกจะรู้ว่า เขาต้องการสินค้าอะไร เลือกลงทุนในบริษัทที่อ่านเกมถูก โอกาสทำเงินก็จะสูง และอีกเรื่องคือ เทคโนโลยี กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ทุกๆอย่างในชีวิต ถ้าจับทาง 2 กระแสหลักได้ถูกคือ โอกาสสูงสุดในการทำกำไร

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

ด้านนางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.) บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า  ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังเป็นทิศทางขาขึ้น แต่นโยบายกีดกันการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี สหรัฐฯ กำลังสร้างความปั่นป่วนให้กับโลก แม้ไม่กระทบกับไทยโดยตรง แต่มีผลกระทบต่อซัพพลายเชน

สงครามการค้าจะกระทบกับจีดีพีประมาณ 1% ขณะที่เงินลงทุนต่างชาติเองก็ยังไม่กลับมา หลังจากไหลออกไปแล้ว 1.8 แสนล้านบาท แม้ว่าจะมีมุมมองว่า ต่างชาติขายหมดแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่า ณ ตรงไหน ดังนั้นการกระจายสินทรัพย์ในการลงทุนจึงเป็นเรื่องสำคัญและจัดการความเสี่ยง หากไม่รับความเสี่ยงเลย ก็ไม่ต้องเข้ามาลงทุนในหุ้น แต่ต้องยอมรับว่า ผลตอบแทนจะลดลงด้วย แต่หากรับความเสี่ยงได้ก็สามารถเดินหน้าด้วยความมั่นใจในการลงทุนได้

หน้า 18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,382 วันที่ 12-14 กรกฎาคม 2561

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว