“นายกฯ”ลั่นไม่หวังประโยชน์จากตำแหน่งบอกคนอยู่ไกลกลับมาสู้คดี

10 ก.ค. 2561 | 08:38 น.
“นายกฯ”ลั่นไม่หวังประโยชน์จากตำแหน่งอยู่อย่างพอเพียง บอกคนอยู่ไกล ให้กลับมาสู้คดีถ้าคิดว่าไม่เป็นธรรม ยันไม่กลั่นแกล้ง เผยตอนนี้ยังไม่ตัดสินจะอยู่กับใคร ย้อนถามรัฐบาลที่ผ่านมาดูดนักการเมืองหรือไม่

10 ก.ค.61-ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยก่อนการประชุมพล.อ.ธันวาคม ทิพยจันทร์ ประธานสมาคมพันธมิตรมวยไทยโลก นำศิลปินดารา นักร้อง และอดีตนักมวยไทย 16 คน อาทิ นายสมบัติ เมทะนี ศิลปินแห่งชาติ นายรอง เค้ามูลคดี ศิลปินแห่งชาติ นายกรุง ศรีวิไล นักแสดงและอดีตส.ส.พรรคภูมิใจไทย นายบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ นักแสดงและผู้กำกับ นางดาวใจ ไพจิตร นักร้องชื่อดัง นายศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์ ครูมวย เข้าพบนายกฯ เพื่อนำเสนอผลการดำเนินงานกิจกรรม CSR เพื่อสังคมโดยนายกฯได้สอบถามสารทุกข์สุกดิบของแต่ละคน พร้อมกล่าวว่า ตนรู้จักทุกคนดี ติดตามผลงานอยู่เสมอ

tuact1

นายกฯกล่าวว่า วันหน้าจะเกิดอย่างไรต่อไป ตนไม่ได้ทำเพื่อวันนี้ ตนทำเพื่อวันหน้า แก้ไขปัญหาที่คนเดิมๆสร้างไว้เป็นร้อยแปดปัญหาไม่มีใครรู้หรอก แต่ตนไม่โทษใคร ตนรู้จักพี่ๆทุกคน และรู้ทุกคนทำอะไรมากก่อน รู้ทุกคนทำอะไรอยู่ แต่วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงแล้ว ประเทศไทยก็ต้องเปลี่ยนแปลง

"ไม่ใช่ผมต้องการรักษาอำนาจ ไม่ใช่ผมต้องการรักษาผลประโยชน์ ผมยืนยันด้วยผมเอง ผมไม่เคยได้ประโยชน์ จากการเป็นนายกรัฐมนตรี หรือเป็นอะไรก็ตามแม้แต่บาทเดียว ตั้งแต่ผมเข้ามา ดังนั้นเกิดอะไรขึ้นให้ไปหามา ผมจะลงโทษให้หมด เพราะนี่คือสิ่งที่ทุกคนที่เป็นรัฐบาลต้องทำแบบนี้ และผมไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการธุรกิจอะไรเลยแม้แต่สักอย่างเดียว ดังนั้นผมไม่จำเป็นต้องไปหาผลประโยชน์ เพราะผมพอเพียงแล้ว ลูกเมียผมไม่ได้ลำบากอะไร"

สิ่งที่ตนคาดหวังจากพวกพี่ๆคือคิดใหม่ คือการคิดโดยคนรุ่นเรา คนรุ่นกลางๆที่จะสามารถรักษาประเทศไทยไว้ให้ได้ด้วยอัตลักษณ์ของประเทศ เป็นประเทศที่มีความสามานฉันท์ พบปะพูดคุยกันได้ตลอดเวลา กลับไปทบทวนดูว่าเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนทำให้เกิด และสาเหตุเกิดจากอะไร ความไม่เป็นธรรมหรือกฎหมายไม่ถูกต้องหรือยังไง ต้องไปคิดใคร่ครวญตรงนี้ใหม่ ตนไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก แต่อะไรก็ตามที่เป็นกระบวนการยุติธรรม ถ้าเราไม่เชื่อมั่นเชื่อถืออยู่ไม่ได้ประเทศไทย

tuact2

"เพราะฉะนั้นใครก็ตาม คิดไม่เป็นธรรมกลับมาต่อสู้คดี ผมให้ต่อสู้คดีได้ทุกคน ไม่ต้องกลัว ใครรังแกไม่ได้ทั้งนั้น เพราะเป็นเรื่องกฎหมาย ผมเคารพกฎหมาย ไม่ใช่ว่าผมไม่ต้องรับการตรวจสอบอะไร ผมโดนตรวจสอบทุกอัน โดนไป 400 คดีในฐานะหัวหน้าคสช.หัวหน้ารัฐบาล หัวหน้าโครงการ แต่ผมไม่กลัวซักคดี เพราะผมบริสุทธิ์ใจในการทำงานของผม การใช้มาตรา 44 ผมใช้เท่าที่จำเป็น คนไม่ดีต้องถูกย้ายออกไปอย่างคนทุจริต"

นายกฯกล่าวอีกว่า ตนประชุมทุกวันอังคารตั้งแต่ 09.00 น.เลิกเวลา 15.00 น.ไม่มีรัฐมนตรีไหนออกนอกประชุมของตน ออกมานั่งกินกาแฟไม่ได้ แต่ก่อนที่มีที่ไหนแบบนี้ นั้นคือข้อเท็จจริง ประโยชน์ตกที่ใครต้องไปดูข้อเท็จจริง ตนไม่ได้มีพรรคมีพวก แต่ต้องการคนทำงานที่มีประสิทธิภาพ การที่บอกว่าทำไมต้องเอาคนนั้น ทำไมต้องมีพี่คนนี้ ทุกคนมีพี่มีเพื่อน ถ้าพี่ดีก็ทำงานไป ถ้าพี่ไม่ดีก็ลงโทษไป ตนไม่ปกป้อง

"หวังว่ารัฐบาลหน้าซึ่งใครจะเป็นก็ไม่รู้ ใครจะดูดไม่ดูด ผมไม่รู้ เพราะผมยังไม่ได้ไปอยู่กับใครสักคนเลย เพราะฉะนั้นการที่ทุกคนจะพูดเรื่องการเมืองพูดได้ทุกคน แล้วมันผิดตรงไหน ในเมื่อยังไม่เกิดอะไรขึ้น มันจริงไหม แล้วผมถามสมัยก่อนใครก็แล้วแต่เป็นรัฐบาลทำแบบนี้ไหม"นายกฯกล่าว จากนั้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯได้ถามนายสมบัติว่า “ถ้าพี่เป็นรัฐบาลออกมาพูดแบบนี้ไหม ทำทุกพรรคนั้นแหละ ผมยังไม่ได้ทำด้วยตัวผมเองสักอันเลย ดังนั้นกรุณาเข้าใจตรงนี้ด้วย"

นายกฯกล่าวต่อว่า ตนวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีมี 6 เรื่อง อย่างความมั่นคง ที่เป็นบ่อเกิดความมีเสถียรภาพทางการเมือง ความมีเสถียรภาพของประเทศ คนถึงจะมาเที่ยว มาแล้วปลอดภัย ไม่มีใครรังแก ต้องการแค่นี้ ไม่ว่าจะซื้อยุทโธปกรณ์อะไรก็แล้วแต่ ใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น เรื่องที่จะทุจริตสอบมา อย่าไปบอกว่าสอบแล้วไม่เจอเพราะเข้าข้างกัน หลายอย่างที่เอามาก็เพื่อช่วยเหลือประชาชน

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

”ถามว่าถ้าไม่มีเฮลิคอปเตอร์ แอมแบร์ จะยกอะไรขึ้นเขาได้ไหม ของเก่ามันก็เก่าหมดแล้ว วันหลังจะเอาพวกพี่ๆขึ้นเฮลิคอปเตอร์เก่าๆ หรือรถถังเก่าๆ ใช้มา 40 กว่าปี แล้วท่านจะไม่มีสิ่งเหล่านี้ไว้หรือ การมีความมั่นคงคือมีไว้ที่เรียกว่าเพื่อการไม่รบ ถ้าเราอ่อนแอไม่มีอะไรเลย นั้นแหละเราจะไม่มีน้ำหนักในเวทีโลก ซึ่งเรื่องศักยภาพเป็นเรื่องสำคัญ" นายรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่าส่วนเรื่องภาษีวันนี้คนทั้งประเทศมีคนเสียภาษี เพียง 10 ล้านคน จาก 60 กว่าล้านคน ที่เหลือคนไม่เข้าเกณฑ์ที่จะเสียภาษี แล้วจะให้ทุ่มดูแล 10 ล้านคน หรือคนจนอย่างใดอย่างหนึ่งได้หรือไม่ แต่ตนไม่ได้พูดถึงเรื่องการขึ้นภาษี เรื่องนี้พูดถึงไม่ได้ เดี๋ยวมีคนหาว่ารัฐบาลตูดขาดยังอยู่ที่ 7 % ที่ทำให้เราเสียรายได้ 2,590,000 ล้านบาท เป็นเงินที่ต้องไปพัฒนาท้องถิ่น ต้องโปะงบให้ 2.7 ล้านบาท ทั้งๆที่เขาควรจะเก็บภาษีของเขาเองได้ จะไปขึ้นภาษีท้องที่ก็ไม่ได้ ดังนั้นรัฐบาลต้องเอางบกลางจากคนเสียภาษี ไปให้คนที่ไม่เสียภาษี แบบนี้เป็นธรรมหรือไม่ แต่พูดไม่ได้ เพราะคนจนรังแกไม่ได้เลย นั่นคือสิ่งที่ประชาธิปไตยเดิมสร้างเอาไว้ คือไม่ได้สร้างให้คนแข็งแรง

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯพูด นายกรุง ได้กล่าวกับพล.อ.ประยุทธ์ ว่า ภาษีของประชาชน ข้าราชการ ร้านค้าต่างๆ ทั้งแถวคลองถม ย่านวรจักร หรือโรงงานทุกที่ ต่างหนีภาษีทั้งหมด ไม่มีทางเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแวต 7 % ซึ่งไม่มีใครรู้ ถ้าหากว่าคนไทยทุกคน ที่รับผิดชอบห้างร้านใหญ่โต เสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วย เหมือนประเทศอื่นๆ ถนนประเทศไทยจะต้องเป็นทองคำ และแม้ว่าจะมีผู้ตรวจกฎหมาย แต่มีการคอร์รัปชัน เลยไม่มีการตรวจสอบ

tuact3

นายกฯกล่าวว่า ตนรู้เรื่องนี้ มีหน่วยงานที่ดูแลเรื่องภาษีอยู่ ซึ่งมีคนที่ไม่ยอมเข้าระบบภาษี ไปดูร้านเจ๊ไฝก่อนเลย พอได้มิชลินแล้วราคาสูงขึ้น พอมีเจ้าหน้าที่สรรพากรไปเฝ้า เขาก็ไม่ยอม ทั้งนี้ให้นายกรุง ยื่นเรื่องโรงงานไม่ยอมเสียภาษีได้ที่ศูนย์ดำรงธรรม จริงๆเรื่องภาษีทุกคนรู้กันหมด ประชาชนทำร้านค้า พอเริ่มขายได้เกิน 1.8 ล้านบาท ก็ถอนตัวไม่สมัครร้านธงฟ้า เพราะกลัวเสียภาษี นี่ไงคือเรื่องจิตสำนึกที่หายไป ทุกคนไม่คิดที่จะเสียภาษี จึงขอฝากทุกคนคิดเรื่องนี้ด้วย

หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้มอบยุทธศาสตร์ชาติ ฉบับย่อทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ให้กับคณะนักแสดง นักร้อง และนักมวย ทั้ง 16 คน พร้อมกล่าวว่าเดี๋ยวไปช่วยกันดูสิ่งที่ผมเขียน ส่งไปต่างประเทศทุกประเทศที่มา ไปฝรั่งเศส ไปอังกฤษส่งให้ดู ยุทธศาสตร์ 20 ปี เราต้องสร้างความมั่นใจให้เขา สิ่งที่ทำวันนี้จะมีผลต่อไปอีก 20 ปี แต่ไม่ใช่ให้เปล่าๆ ต้องตามกฎหมาย ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนี้แค่หลักการของประเทศเท่านั้น ต่อไปจะถอดเป็นแผนแม่บทออกมา ซึ่งรัฐบาลไหนจะปรับแก้ทำได้หมด แต่ต้องอยู่ในกรอบนี้

"ลองไปหาคณะรัฐประหารทุกคณะมา มีการทำงานแบบนี้ไหม เพราะผมเป็นรัฐบาล และบริหารราชการแบบปกติ แต่ผมมีประเด็นของผมว่าต้องทำยังไง มีการพัฒนาตลอด ส่งให้ต่างประเทศเขาชื่นชม ไม่มีประเทศไหนในโลกทำได้แบบนี้ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา นี้คือสิ่งที่อยากให้ภูมิใจกับผม เกิดจากมันสมองโง่ๆที่ทำ"

e-book-1-503x62-7