ฐานโซไซตี : ชื่นชมทีมค้นหา น้ำใจนานาชาติ ร่วมช่วย 13 ชีวิตทีมหมูป่า

07 ก.ค. 2561 | 19:48 น.
5656 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีกระแสรับสั่งขอบใจ ชื่นชม และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่พบนักฟุตบอลเยาวชนและผู้ฝึกสอนทีมหมูป่าอะคาเดมีปลอดภัยทั้ง 13 คน โดยทรงมีรับสั่งว่า ความสำเร็จของปฏิบัติการค้นหาในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือร่วมใจ ความรู้ความสามารถ และความเสียสละของทุกฝ่ายทั้งชาวไทยและต่างประเทศพระองค์ท่านทรงชื่นชมยกย่องและขอให้มีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ในขั้นต่อไปให้สำเร็จลุล่วงอย่างดีที่สุด สมดังความหวังตั้งใจของทุกฝ่าย
750x422_806342_1530355688 ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศได้จัดทำหนังสือขอบคุณแก่ประมุขและผู้นำประเทศต่างๆ รวม 7 ประเทศ ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ เมียนมา ที่ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางมายังถํ้าหลวงฯ เพื่อช่วยชีวิตเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าฯ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ได้ลงนามในหนังสือดังกล่าวและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เรียบร้อยแล้ว “ฝ่ายไทยรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณสำหรับความห่วงใยและกำลังใจจากทุกประเทศทั่วโลกที่ติดตามข่าวสารนี้ผ่านช่องทางต่างๆ อีกทั้งร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จของทีมกู้ภัยที่พบตัวทั้ง 13 คนได้ในที่สุด จากนี้เราหวังว่าจะสามารถนำคนเหล่านี้ออกมาได้อย่างปลอดภัยและกลับสู่ครอบครัว”
cav7 cav1 กลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย กล่าวถึงกรณีถํ้าหลวงฯ ว่า “ประชาชนชาวอเมริกันร่วมแสดงความยินดีกับชาวไทยที่เจ้าหน้าที่พบตัวนักฟุตบอลเยาวชนและผู้ฝึกสอนที่ติดอยู่ในถํ้าหลวงฯแล้ว เราจะยังคงสนับสนุนทางการไทยอย่างต่อเนื่องในการพานักฟุตบอลทั้ง 12 คน และผู้ฝึกสอนออกมาจากถํ้าอย่างปลอดภัย และได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวและญาติมิตรอีกครั้ง” เช่นเดียวกับ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ที่ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีในเรื่องเดียวกันนี้ “เราดีใจอย่างมากที่ได้ทราบข่าวว่าเด็กทั้ง 12 คน และโค้ช ยังมีชีวิต หลังเข้าไปติดอยู่ในถํ้าที่ประเทศไทยนานถึง 9 วัน เราเป็นกำลังใจให้นำพวกเขาออกจากถํ้าได้อย่างปลอดภัยด้วยความช่วยเหลือของทีมกู้ภัย เพื่อพวกเขาจะได้กลับไปอยู่กับครอบครัว”
36418906_1625449647578428_5996776983856414720_n “ว.เชิงดอย” ก็ขอเป็นอีกคนที่ร่วมชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ไทย และเจ้าหน้าที่ต่างชาติทุกคน สำหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้ ถือเป็นนํ้าจิตนํ้าใจที่เพื่อนมนุษย์ร่วมโลกมีให้ต่อกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าหน้าที่จะช่วยให้ 13 ทีมหมูป่าฯ ออกมาจากถํ้าได้โดยเร็วและปลอดภัย

62659659 ไปอีกเรื่อง...ปลื้มใจที่ได้เห็นภาพข่าวปรากฏไปทั่วโลกเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯของไทย และ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ร่วมเป็นสักขีพยานในการแลกเปลี่ยนความตกลงร่วมทุนก่อตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา เพื่อเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงอากาศยานที่ทันสมัยระดับโลก ระหว่าง อุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการดีดี บริษัทการบินไทยฯ และ ปาทริก เดอ กาสแตลบาซัก รองประธานบริหารฝ่ายกลยุทธ์ระหว่างประเทศบริษัท แอร์บัสฯ ซึ่งการร่วมทุนระหว่าง “เจ้าจำปี” กับผู้ผลิตเครื่องบินแอร์บัส จะส่งผลดีต่อแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ของไทย ซึ่งจะเป็นไปตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตและบริการโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในประเทศไทยให้ไปสู่ระดับโลก

q-7 ขณะเดียวกัน สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ยังได้ร่วมเป็นสักขีพยานเพื่อร่วมลงนามความร่วมมือการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงเครื่องยนต์อากาศยานของการบินไทย กับ บริษัท โรลส์รอยซ์ฯ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยจะเป็นศูนย์ซ่อมเครื่องยนต์ของ Rolls-Royce ในภูมิภาค อันถือเป็นประโยชน์ของการบินไทย ที่จะสามารถรองรับการซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ รุ่น Trent 700 และปัจจุบันนี้การบินไทยก็มีเครื่องบินลำตัวกว้างมากกว่า 80 ลำ ที่ใช้เครื่องยนต์นี้อยู่

อุษณีย์ แสงสิงแก้ว ผู้นำหญิงขององค์กรที่นั่งเก้าอี้รักษาการมา 1 ปี 6 เดือน และจะเกษียณในเดือนกันยายนนี้ บอกว่า “การร่วมทุนระหว่างการบินไทยและแอร์บัส จะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินและอวกาศในประเทศไทยให้ก้าวไปไกลยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าจำนวนฝูงบินของเครื่องบินลำตัวกว้างในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า หรือราว 4,800 ลำในอีก 20 ปีข้างหน้า...ขอปรบมือดังๆ กดไลก์รัวๆ ให้ และหวังว่าอานิสงส์คงจะตกถึง “พนักงานการบินไทย” ได้ปรับเงินเดือนและมีโบนัสกับเขาบ้าง!!!

| คอลัมน์ : ฐานโซไซตี
| โดย : ว.เชิงดอย
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3381 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 8-11 ก.ค.2561
e-book-1-503x62