ฟาสต์แฟชั่นแรง! ทุบแบรนด์ดังม้วนเสื่อ
แฟชั่นอินเตอร์แบรนด์ถอดใจ จับตา 2 แบรนด์ดัง "GAP/Forever21" ทยอยปิดสาขา หลังถูกฟาสต์แฟชั่นเบียด ลูกค้าหันช็อปออนไลน์ ด้าน ศูนย์การค้าดังรับลูกค้าขอคืนพื้นที่ เหตุแข่งขันไม่ไหว
ตลาดแฟชั่นเสื้อผ้าเมืองไทยที่คาดว่าจะสูงถึง 2.34 แสนล้านบาทในปีนี้ เติบโตอย่างน้อย 4.1% เพิ่มจากปีก่อนที่เติบโต 4.4% ถูกจับตาอีกครั้ง เมื่อแฟชั่นอินเตอร์แบรนด์ชั้นนำต่างทยอยปิดสาขาลงจากหลายปัจจัย ทั้งการเข้ามาของ อี-คอมเมิร์ซ และกระแสฟาสต์แฟชั่นที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนมูลค่าตลาดพุ่งสูงกว่า 3 หมื่นล้านบาท จากผู้เล่นกว่า 20 แบรนด์ ขณะที่ ผู้เล่นหลัก ทั้งยูนิโคล่ , ZARA และ H&M ต่างเดินหน้ารุกตลาด ขยายสาขา เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ สวนทางกับอีกหลายแบรนด์ดังอย่าง GAP , Forever21 ที่เตรียมถอนตัวออกจากประเทศไทย
[caption id="attachment_296187" align="aligncenter" width="503"]
ผู้บริหารศูนย์การค้ารายหนึ่ง เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภาพรวมธุรกิจแฟชั่นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา อยู่ในภาวะทรงตัว ปัจจัยหลักมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หันมานิยมเลือกซื้อผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้ร้านค้าภายในศูนย์ต้องเร่งปรับตัว ทั้งการลดพื้นที่ร้านค้าลงและหันไปเพิ่มช่องทางขายผ่านออนไลน์ ทั้งที่มีเว็บไซต์ของตัวเองและขายผ่านมาร์เก็ตเพลส ขณะที่ บางร้านที่ไม่สามารถแข่งขันได้ ก็ปิดกิจการไป
โดยพบว่า ร้านที่ทยอยปิดกิจการ ได้แก่ GAP แบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าสตรีตแวร์ (Streetwear) ชื่อดังจากอเมริกา ที่คนไทยรู้จักดี เปิดให้บริการมาเกือบ 50 ปี แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จ มียอดขายลดลง จากการเข้ามาของฟาสต์แฟชั่น ทำให้ไม่สามารถแข่งขันได้ นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์ Forever21 แฟชั่นสโตร์ที่จำหน่ายแฟชั่นเสื้อผ้า รองเท้า ชุดชั้นใน กระเป๋า และเครื่องประดับ ซึ่งเคยเปิดให้บริการ 4 สาขา แต่ปัจจุบัน ทยอยปิดกิจการเหลือเพียง 1 สาขา ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และจะปิดให้บริการในสิ้นเดือน มิ.ย. นี้
"ถือเป็นช่วงวิกฤติของแฟชั่นอินเตอร์แบรนด์ โดยเฉพาะแบรนด์จากยุโรป ทั้งกลุ่มสตรีตแวร์ กลุ่มไฮ-เอนด์ ที่พบว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการเข้ามาของฟาสต์แฟชั่น ซึ่งมีจุดเด่นที่ราคาสมเหตุสมผล มีคอลเลกชันที่หลากหลาย ปรับเปลี่ยนเร็ว และสามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ได้ง่าย ทำให้สามารถใส่ได้ในหลายโอกาส จึงรู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่ใช้ไป โดยจะเห็นว่า กลุ่มฟาสต์แฟชั่นหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น ยูนิโคล่ , ZARA , H&M ล้วนประสบความสำเร็จ มียอดขายสูง และมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว"
ด้าน น.ส.พลินี คงชาญศิริ รองผู้อำนวยการ ศูนย์การค้าเมกา บางนา บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า ยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมา แฟชั่นอินเตอร์แบรนด์ที่เปิดให้บริการในเมกา บางนา หลายแบรนด์ ทยอยปิดสาขาลง ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ ทั้งสินค้าไม่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในย่านนี้ และพฤติกรรมลูกค้าเองหันไปให้ความสนใจนิยมฟาสต์แฟชั่นมากกว่า หรือ พฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เมื่อยอดขายลดลง จึงต้องขอคืนพื้นที่ และศูนย์เองก็ต้องนำพื้นที่ไปให้กับแบรนด์ใหม่ที่รอคิวเข้ามาเช่นกัน
"ร้านแฟชั่นแบรนด์เนมหลายร้านมียอดขายเติบโตดี เช่น ZARA มียอดขายโต 20-30% หลังจากที่ปรับเมอร์ชันไดส์ ปรับราคาลง เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า หรือ บางแบรนด์ทำออมนิ แชนเนล คือ เพิ่มช่องทางขายผ่านออนไลน์ ขณะเดียวกัน ก็มีหน้าร้านให้ลูกค้าได้มาทดลองเสื้อผ้า ถือเป็นการปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ แต่บางแบรนด์ที่ไม่สามารถแข่งขัน หรือ ปรับตัวได้ ก็ต้องทยอยปิดไป และศูนย์ต้องเพิ่มร้านค้าใหม่เข้ามาเพื่อให้บริการกับลูกค้า โดยพบว่า ในครึ่งปีหลังจะมีทั้งร้านค้าใหม่ ร้านเดิมโฉมหน้าใหม่ เช่น ร้านอีฟแอนด์บอย ที่ขยายพื้นที่เป็น 1,700 ตร.ม. จากเดิม 550 ตร.ม. หรือ ร้านใหม่อย่าง 'เอแลนด์' มัลติแบรนด์สโตร์จากเกาหลี , JD Sport แบรนด์สปอร์ตแฟชั่นจากอังกฤษ ที่เปิดแห่งแรกในประเทศไทย เป็นต้น"
ขณะที่ นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สหพัฒน์มีการเติบโตเพียง 1-2% โดยกลุ่มสินค้าที่มียอดขายลดลง คือ กลุ่มแฟชั่น ซึ่งบางแบรนด์มียอดขายลดลงกว่า 10% ปัญหาเกิดจากเทรนด์เสื้อผ้าที่เปลี่ยนยุค หันมานิยมฟาสต์แฟชั่นอย่าง ยูนิโคล่ ซาร่า จึงขายดี ขณะเดียวกันพบว่า คนเดินห้างน้อยลง ดังนั้น แบรนด์แฟชั่นต้องปรับตัว ซึ่งสหพัฒน์เองต้องเร่งแก้ไขด้วยการอัดฉีดเงินเข้าไป
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,379 วันที่ 1-4 ก.ค. 2561 หน้า 01+15
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● อินทีเรียดีไซน์ผสานแฟชั่น
● ECOHEART แฟชั่นรักษ์โลก
