“พาณิชย์” เปิดงานประชารัฐ“สร้างงาน สร้างตลาด สร้างโอกาส สร้างรายได้”

07 ก.ค. 2561 | 10:34 น.
“พาณิชย์” เปิดงานโครงการประชารัฐ 4 สร้าง “สร้างงาน สร้างตลาด สร้างโอกาส สร้างรายได้” ยันเดินหน้าให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร ผู้ผลิตชุมชน สร้างองค์ความรู้ สนับสนุนแหล่งเงินทุนและหาตลาดทั้งในและต่างประเทศ ช่วยคนตัวเล็กค้าขาย ลดค่าครองชีพผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระบุกำลังขยายไปสู่การใช้แอพฯ มือถือ เปิดโอกาสร้านค้ารายย่อยเข้าร่วมโครงการ พร้อมจัดงานธงฟ้าจำหน่ายสินค้าราคาถูกลดค่าครองชีพ

chal

นายวิเชียร ชวลิต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดงานโครงการประชารัฐ โดยการขับเคลื่อนไทยนิยม ยั่งยืน “สร้างงาน สร้างตลาด สร้างโอกาส สร้างรายได้” เพื่อจังหวัดพัทลุง ปัตตานี และนราธิวาส เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2561 ณ ห้องประชุมโนรา โรงพยาบาลพัทลุง อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง ว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะการดูแลผู้มีรายได้น้อยและการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล และได้เดินหน้าในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก มีเป้าหมายช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ผู้บริโภค เกษตรกร และผู้ประกอบการชุมชนให้มีความกินดี อยู่ดี เพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มคุณภาพชีวิต จึงเป็นที่มาของการจัดโครงการในครั้งนี้ โดยได้มุ่งเน้นการจัดงานช่วยเหลือใน 10 จังหวัดที่มีรายได้น้อยที่สุดของประเทศ และครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ต่อจากจังหวัดอำนาจเจริญและบุรีรัมย์

การจัดงานที่จังหวัดพัทลุง กระทรวงพาณิชย์ได้นำอาชีพแบบง่ายๆ และมีค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก อาทิ การทำก๋วยเตี๋ยว และกล้วยแขกขั้นเทพ โดยมุ่งไปสู่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และประชาชนผู้สนใจที่ต้องการมีอาชีพเสริม จำนวน 200 คน รวมทั้งจัดอบรมเบื้องต้นการส่งออกและขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านให้แก่ผู้ประกอบการจังหวัดพัทลุง ปัตตานี และนราธิวาส จำนวน 100 คน ทั้งนี้การอบรมในครั้งนี้จะทำให้ประชาชนและผู้ประกอบการมีอาชีพเพิ่มมากยิ่งขึ้น

riceb2

นอกจากนั้น ภายในงานโครงการประชารัฐ 4 สร้าง มีประชาชนให้ความสนใจมาสอบถามเกี่ยวกับการจดลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้า การเริ่มต้นธุรกิจ การหาตลาดและคู่ค้า มาตรการความช่วยเหลือจากธนาคารของรัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธนาคาร SME) โดยเฉพาะการนำเสนอวงเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยปลอดดอกเบี้ยในปีแรก หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้นำกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพและการประกอบธุรกิจเบื้องต้นมาจัดแสดง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและประชาชนที่มีความประสงค์ในการเพิ่มศักยภาพเพื่อสร้างรายได้ อาทิ น้ำพริกกะลา ผลิตภัณฑ์เสริมความงามจากขมิ้นชัน

รวมทั้งยังมีการนำสินค้าชุมชนจากจังหวัดพัทลุง ปัตตานี นราธิวาส อาทิ ผลิตภัณฑ์ข้าวไรซ์เบอรี่ ชาชัก ผลิตภัณฑ์น้ำมันจากถั่วดาวอินคา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ได้ให้บริการคำปรึกษาทางธุรกิจ และได้ส่งเสริมอาชีพจากสมุนไพร ในส่วนของ ธกส. ได้นำมาตรการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวชุมชนมาให้คำแนะนำ เพื่อพัฒนาไปสู่การท่องเที่ยวนวัตวิถี ดึงภูมิปัญญาและวิถีชุมชน เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ท้องถิ่นในจังหวัดพัทลุง

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมจับคู่ธุรกิจกับห้างโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่ ได้แก่ เซ็นทรัล บิ๊กซี และแม็คโคร กับผู้ประกอบการรายย่อยจาก 4 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง ตรัง ปัตตานี และนราธิวาส โดยสินค้าที่ผู้ประกอบการนำมาจับคู่ธุรกิจ เช่น ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสุกร หมอนยางพารา กาแฟข้าวสังข์หยด ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วย ขนมปั้นขลิบ เครื่องแกง ลูกหยี ส้มแขกแปรรูป อาหารทะเลแห้งและแปรรูป ข้าวเกรียบ เค้กมะพร้าว ขนมเปี๊ยะ

riceb4

ขณะดียวกัน เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนชาวจังหวัดพัทลุง และจังหวัดใกล้เคียง กระทรวงฯ ได้จัดมหกรรมธงฟ้าลดค่าครองชีพ ระหว่างวันที่ 6-9 กรกฎาคม 2561 โดยนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีพมาจำหน่ายในราคาพิเศษ ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป

“กระทรวงพาณิชย์มั่นใจว่า โครงการประชารัฐ 4 สร้าง คือ สร้างงาน สร้างตลาด สร้างโอกาส สร้างรายได้ เพื่อจังหวัดพัทลุง นราธิวาส และปัตตานี ที่นำมาจัดระหว่างวันที่ 6-9 กรกฎาคมนี้ จะสร้างความเข้าใจและตื่นตัวให้พี่น้องประชาชนมาเยี่ยมชมงาน เกี่ยวกับมาตรการและการส่งเสริมของรัฐบาลในการมีอาชีพเสริม หรือทางเลือกในการประกอบธุรกิจใหม่ๆ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง ซึ่งจะส่งผลให้พี่น้องประชาชนมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งจะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดกระบวนความคิดในมิติใหม่ในการพัฒนาและพึ่งพาตนเอง สร้างงาน สร้างอาชีพ ตลอดจนส่งเสริมรวมทั้งเกิดการรวมตัวของประชาชน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในท้องถิ่นของตน สร้างรายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายวิเชียรกล่าวทิ้งท้าย

e-book-1-503x62