"ศิริ"ดันกลุ่มStartupมีบทบาทในแผนพลังงาน
"ศิริ" ผลักดันกลุ่มStartupมีบทบาทในแผนพลังงาน
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงานสัมมนา “อนาคตพลังงานไทย” ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์"ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ความคืบหน้าการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว (PDP 2018) อยู่ระหว่างจัดทำแผน จะมีการส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ (Startup) เข้ามาอยู่ในกระบวนการซื้อขายไฟฟ้า เช่น โซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชนที่จะเปิดให้กลุ่ม Startup เข้ามาเป็นผู้รวบรวมรับซื้อไฟฟ้ารูฟท็อปส่วนเกินนี้ นำไปขายต่อให้กับชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง หรือเข้าระบบไฟฟ้าต่อไป
โดย Startup จะนำระบบเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยบริหารจัดการ การซื้อขายไฟฟ้า เช่นเดียวกับต่างประเทศที่ดำเนินการในรูปแบบดังกล่าวกันมากมายแล้ว ซึ่งไทยจะเดินไปในรูปแบบนี้เช่นกัน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) สามารถเข้ามาแข่งขันกับ Startup ได้เช่นกัน อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)
ขณะที่ทิศทางไฟฟ้าของไทยจะให้ประชาชนส่วนใหญ่เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น หากจุดใดเกิดไฟฟ้าดับ สามารถนำส่วนอื่นมาทดแทนได้ ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นคงไฟฟ้าประเทศรูปแบบหนึ่ง
นอกจากนี้กระทรวงพลังงาน ยังเตรียมนำเงินกองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานจำนวน 150-200 ล้านบาท พัฒนากลุ่ม Startup สร้างโรงงานงานต้นแบบผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและแบตเตอรี่ซัลเฟอร์ สำหรับเป็นไฟฟ้าสำรองให้กับโรงไฟฟ้าและรถยนต์ไฟฟ้า(EV) รวมถึงนำมาใช้ได้กับโครงการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าของภาครัฐด้วย เป็นต้น โดยโรงงานจะตั้งอยู่ที่วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง คาดว่าจะเริ่มทดลองผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนได้ปลายปี 2561 และส่งเสริมเชิงพาณิชย์ได้ปี 2562
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงานสัมมนา “อนาคตพลังงานไทย” ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์"ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ความคืบหน้าการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว (PDP 2018) อยู่ระหว่างจัดทำแผน จะมีการส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ (Startup) เข้ามาอยู่ในกระบวนการซื้อขายไฟฟ้า เช่น โซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชนที่จะเปิดให้กลุ่ม Startup เข้ามาเป็นผู้รวบรวมรับซื้อไฟฟ้ารูฟท็อปส่วนเกินนี้ นำไปขายต่อให้กับชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง หรือเข้าระบบไฟฟ้าต่อไป
โดย Startup จะนำระบบเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยบริหารจัดการ การซื้อขายไฟฟ้า เช่นเดียวกับต่างประเทศที่ดำเนินการในรูปแบบดังกล่าวกันมากมายแล้ว ซึ่งไทยจะเดินไปในรูปแบบนี้เช่นกัน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) สามารถเข้ามาแข่งขันกับ Startup ได้เช่นกัน อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)
ขณะที่ทิศทางไฟฟ้าของไทยจะให้ประชาชนส่วนใหญ่เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น หากจุดใดเกิดไฟฟ้าดับ สามารถนำส่วนอื่นมาทดแทนได้ ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นคงไฟฟ้าประเทศรูปแบบหนึ่ง
นอกจากนี้กระทรวงพลังงาน ยังเตรียมนำเงินกองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานจำนวน 150-200 ล้านบาท พัฒนากลุ่ม Startup สร้างโรงงานงานต้นแบบผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและแบตเตอรี่ซัลเฟอร์ สำหรับเป็นไฟฟ้าสำรองให้กับโรงไฟฟ้าและรถยนต์ไฟฟ้า(EV) รวมถึงนำมาใช้ได้กับโครงการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าของภาครัฐด้วย เป็นต้น โดยโรงงานจะตั้งอยู่ที่วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง คาดว่าจะเริ่มทดลองผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนได้ปลายปี 2561 และส่งเสริมเชิงพาณิชย์ได้ปี 2562
