เคาะตั้งกระทรวงใหม่“อุดมศึกษาวิจัยและนวัตกรรม”เปิดตัวก.พ.62
เคาะตั้งกระทรวงใหม่“อุดมศึกษาวิจัยและนวัตกรรม”เปิดตัว “ก.พ. 2562 “
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ รักษาการเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(ก.พ.ร.) แถลงภายหลังการประชุมครม.ว่า ครม.มีมติรับหลักการตั้งกระทรวงใหม่ชื่อ “กระทรวงการอุดมศึกษาวิจัยและนวัตกรรม” ตามที่สำนักงานก.พ.ร. เสนอ เพื่อเป็นกระทรวงที่เป็นแหล่งรวมสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ 84 แห่ง เอกชน 73 แห่ง และสถาบัน/หน่วยงานวิจัย 11 แห่งเข้าด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์ประเทศไทย 4.0 ที่ต้องขับเคลื่อนโดยการคิดค้นนวัตกรรม ต่อยอดอุตสาหกรรมเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ศาสตร์ โดยต้องการให้นักวิชาการ นักวิจัย ทำภารกิจ 2 เรื่อง คือ 1.สร้างความรู้ในอุตสาหกรรมต่างๆให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเพื่อให้ประเทศแข่งขันได้ 2.สร้างคนตรงกับความต้องการของประเทศตามอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยนำโจทย์จากยุทธศาสตร์ชาติและอุตสาหกรรมเป้าหมายเป็นตัวตั้ง เตรียมคนเข้าอุตสาหกรรมและธุรกิจเหล่านั้น
ขั้นตอนการจัดตั้งกระทรวงใหม่จะมีการเสนอ ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งกระทรวง ทบวงกรม ให้ที่ประชุมครม.พิจารณา และส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)พิจารณาออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ ซึ่งตามโรดแมพคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายเดือน พ.ย. 2561 และจะเห็นรูปร่างของกระทรวงใหม่ประมาณเดือนก.พ. 2562 โดยแบ่งกลไกการบริหารเป็น 2 ระดับ ระดับนโยบาย จะมีคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมา 1 ชุด แปลงโฉมจากสภาวิจัยและวิทยาศาสตร์ ซึ่งอาจจะเป็นซุปเปอร์บอร์ดขึ้นมาดูแล มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีคณะกรรมการระดับกระทรวง ประกอบด้วยคณะกรรมการการอุดมศึกษา คณะกรรมการส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม 2.ระดับปฏิบัติการ จะมีการตั้งสำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง และสำนักงานส่งเสริมการวิจัยสังคมศาสตร์และมนุษย์
นายทศพร กล่าวว่า ในที่ประชุมครม.มีการหารือกันเรื่องชื่อของกระทรวง โดยครม.บางท่านเน้นว่ากระทรวงนี้ต้องช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่อุดมศึกษาเพื่ออุดมศึกษา อยากให้มหาวิทยาลัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ บางท่านให้มีคำว่าวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม การวิจัยดังนั้นชื่อกระทรวงที่ครม.อนุมัติหลักการจึงยังไม่ใช่ชื่อกระทรวงที่แท้จริง ซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับกระทรวงที่ตั้งใหม่ เป็นการดึงสถาบันอุดมศึกษา ที่อยู่ภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ และสถาบันวิจัย ซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งตามโรดแมพกระทรวงใหม่ต้องเปิดให้ได้ภายในเดือนก.พ. 2562 และจากนั้นจะมีการปรับโครงสร้างภายในคู่ขนานกันไปให้เสร็จภายใน 3 ปี และต้องเปิดให้มีการทบทวนโครงสร้างกระทรวงทุก5ปีด้วย
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ รักษาการเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(ก.พ.ร.) แถลงภายหลังการประชุมครม.ว่า ครม.มีมติรับหลักการตั้งกระทรวงใหม่ชื่อ “กระทรวงการอุดมศึกษาวิจัยและนวัตกรรม” ตามที่สำนักงานก.พ.ร. เสนอ เพื่อเป็นกระทรวงที่เป็นแหล่งรวมสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ 84 แห่ง เอกชน 73 แห่ง และสถาบัน/หน่วยงานวิจัย 11 แห่งเข้าด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์ประเทศไทย 4.0 ที่ต้องขับเคลื่อนโดยการคิดค้นนวัตกรรม ต่อยอดอุตสาหกรรมเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ศาสตร์ โดยต้องการให้นักวิชาการ นักวิจัย ทำภารกิจ 2 เรื่อง คือ 1.สร้างความรู้ในอุตสาหกรรมต่างๆให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเพื่อให้ประเทศแข่งขันได้ 2.สร้างคนตรงกับความต้องการของประเทศตามอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยนำโจทย์จากยุทธศาสตร์ชาติและอุตสาหกรรมเป้าหมายเป็นตัวตั้ง เตรียมคนเข้าอุตสาหกรรมและธุรกิจเหล่านั้น
ขั้นตอนการจัดตั้งกระทรวงใหม่จะมีการเสนอ ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งกระทรวง ทบวงกรม ให้ที่ประชุมครม.พิจารณา และส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)พิจารณาออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ ซึ่งตามโรดแมพคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายเดือน พ.ย. 2561 และจะเห็นรูปร่างของกระทรวงใหม่ประมาณเดือนก.พ. 2562 โดยแบ่งกลไกการบริหารเป็น 2 ระดับ ระดับนโยบาย จะมีคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมา 1 ชุด แปลงโฉมจากสภาวิจัยและวิทยาศาสตร์ ซึ่งอาจจะเป็นซุปเปอร์บอร์ดขึ้นมาดูแล มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีคณะกรรมการระดับกระทรวง ประกอบด้วยคณะกรรมการการอุดมศึกษา คณะกรรมการส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม 2.ระดับปฏิบัติการ จะมีการตั้งสำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง และสำนักงานส่งเสริมการวิจัยสังคมศาสตร์และมนุษย์
นายทศพร กล่าวว่า ในที่ประชุมครม.มีการหารือกันเรื่องชื่อของกระทรวง โดยครม.บางท่านเน้นว่ากระทรวงนี้ต้องช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่อุดมศึกษาเพื่ออุดมศึกษา อยากให้มหาวิทยาลัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ บางท่านให้มีคำว่าวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม การวิจัยดังนั้นชื่อกระทรวงที่ครม.อนุมัติหลักการจึงยังไม่ใช่ชื่อกระทรวงที่แท้จริง ซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับกระทรวงที่ตั้งใหม่ เป็นการดึงสถาบันอุดมศึกษา ที่อยู่ภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ และสถาบันวิจัย ซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งตามโรดแมพกระทรวงใหม่ต้องเปิดให้ได้ภายในเดือนก.พ. 2562 และจากนั้นจะมีการปรับโครงสร้างภายในคู่ขนานกันไปให้เสร็จภายใน 3 ปี และต้องเปิดให้มีการทบทวนโครงสร้างกระทรวงทุก5ปีด้วย
