SCBSควัก300ล้านเสิร์ฟลงทุนบนมือถือ

21 ก.ค. 2561 | 22:20 น.
บล.ไทยพาณิชย์ฯ ทุ่มงบ 300 ล้านบาท พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิตอล “EASY INVEST” เสิร์ฟการลงทุนบนจอมือถือรายแรก เหตุคนหนีลงทุนแทนฝากเงิน หลังตัวเลข 10 ปี กองทุนรวม-หลักทรัพย์ โตพุ่ง 300% ตั้งเป้า 3 ปีขึ้นแท่นอันดับ 3 มีฐานลูกค้า 2 แสนบัญชี กำไรสุทธิแตะ 1 พันล้านบาท

นายกัมพล จันทวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด(SCBS) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมการลงทุนเริ่มเปลี่ยนแปลงตามพัฒนาการของเทคโนโลยีและความรู้ความเข้าใจการลงทุนมากขึ้น โดยจะเห็นว่า กองทุนมีอัตราเติบโตรวดเร็ว เนื่องจากมีให้เลือกหลากหลาย และหากย้อนไปในปี 2550 บัญชีเงินฝากอยู่ที่ 73 ล้านบัญชี และในปี 2560 เพิ่มเป็น 95 ล้านบัญชี คิดเป็นอัตราเติบโต 30% ขณะที่บัญชีกองทุนรวมจาก 1.5 ล้านบัญชี เพิ่มเป็น 6 ล้านบัญชี เติบโต 300% ขณะที่บัญชีหลักทรัพย์เพิ่มจาก 1.5 แสนบัญชี เป็น 5 แสนบัญชี เติบโต 300% สะท้อนว่า คนเข้าใจการลงทุนและหันมาลงทุนแทนฝากเงินมากขึ้น สำหรับนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุนและรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก จะเน้นลงทุนในตลาด Money Market ที่ให้ผลตอบแทน (Yield) เฉลี่ยไม่เกิน 2% และหากลูกค้าเริ่มรับความเสี่ยงได้ระดับปานกลาง จะลงทุนในพันธบัตรและหุ้นบางส่วน จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3-4% และกลุ่มที่ระดับความเสี่ยงมากขึ้น เน้นลงทุนในหุ้นในสัดส่วนมากขึ้น จะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 6-7% และกลุ่มที่ยอมรับความเสี่ยงที่ลงทุนในหุ้นล้วนจะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ย 10-20%

[caption id="attachment_294487" align="aligncenter" width="503"] กำพล กัมพล จันทวิบูลย์[/caption]

ทั้งนี้ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็น “บริษัทหลักทรัพย์ที่น่าชื่นชมที่สุด”หรือ The Most Admired  Broker โดยใช้งบประมาณ 300 ล้านบาท ลงทุนใน 5 ปี พัฒนาบุคลากร กระบวนการให้คำแนะนำ รวมถึงระบบออนไลน์ เพื่อเน้นการเปิดบัญชีลงทุนแทนการเปิดบัญชีหลักทรัพย์ ซึ่งภายในเดือนตุลาคมนี้จะเปิดแพลตฟอร์มดิจิตอล “EASY INVEST” ที่จะให้บริการทุกผลิตภัณฑ์บนจอเดียวเป็นรายแรกในไทย พร้อมปรับกระบวนการแนะนำการลงทุนลูกค้าได้ดีขึ้น โดยจะมีการปรับและใส่ฟีเจอร์ใหม่ๆ ทุกเดือนออกมาอย่างต่อเนื่อง

“เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย 3 ปี มีฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 2 แสนบัญชี จากปัจจุบันอยู่ที่ 1 แสนบัญชี และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์) มากกว่า 5% อยู่ในอันดับ 3 ของตลาด จากปัจจุบันอยู่ในอันดับ 7 มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 4.1%”

หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,379 วันที่ 1 - 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2561