JOURNEYS IMPRINTED ลมหายใจจากการเดินทาง ฉายพลังแบรนด์ไทยในระดับสากล
สำหรับนักเดินทางแล้ว ความสนุกเริ่มต้นตั้งแต่ความคิด วินาทีที่บรรจงเลือกของทีละชิ้นบรรจุลงในกระเป๋าคู่ใจก่อนก้าวออกจากประตูของสถานที่ที่คุ้นเคยสู่โลกใบใหญ่ ที่ซึ่งสมองและจิตได้เปลี่ยนสถานะการทำงานเป็นดั่งสมุดบันทึกที่รองรับเรื่องราวของความสุขและแรงบันดาลใจจากทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ กาย ตกตะกอนเป็นกลิ่นของความทรงจำให้หวนคำนึงนึกถึงอยู่ตลอดเวลา
ในโลกปัจจุบันที่การพิมพ์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตมากกว่าการเขียน ความทรงจำถูกบันทึกบนโลกออนไลน์มากกว่าสมุดคู่ใจเล่มโตที่พกพาไปทุกหนแห่ง แต่สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่รักการเดินทางเป็นที่สุด เธอไม่หยุดถ่ายทอดความประทับใจไว้แค่เพียงการจรดปากกาลงบนกระดาษ แต่เธอได้นำความสุข ความสนุก และความรู้เหล่านั้นมาถ่ายทอดผ่าน แบรนด์ “LOMMI” ตัวแทนบันทึกเรื่องราวการเดินทางของผู้หญิงที่ชื่อ “แพท-พัชรลักษณ์ เครือแก้ว ณ ลำพูน”
“แพทเป็นคนชอบจดบันทึก ชอบนำกลับมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก จนวันหนึ่งเราคิดว่าอยากเปลี่ยน
การบันทึกของเราผ่านสิ่งที่เราชอบ เมื่อหันไปมองรอบๆ ตัวก็พบว่าสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้หยิบ ได้จับขึ้นมาพิศพิจารณาก็คือ “กระเป๋า” เมื่อมองเข้าไปในตลาดก็เห็นว่ากระเป๋าแบรนด์ไทยในราคานี้ ราคาที่จะเข้าไปยกระดับงานคราฟต์ของคนไทยให้อยู่ในสายตาของแบรนด์ระดับนานาชาติ และชูความเป็นคราฟต์แมนชิฟของคนไทยในแบบที่เราตั้งใจยังไม่มี การเริ่มต้นสร้างธุรกิจใหม่อีกครั้งจึงเริ่มต้นขึ้น”
รูปโฉมภายนอกของกระเป๋าที่มีรูปทรงและลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ หนังอิตาลีชั้นดีเย็บประสานอย่างประณีตกับงานทอสองมิติ เส้นฝ้ายที่ให้ความรู้สึกถึงผิวสัมผัสอันแตกต่างผลงานการเดินเส้นยืนและเส้นพุ่งของช่างทอชาวบุรีรัมย์ ก่อนมาเย็บปักลวดลายในคอลเลกชันแรกที่คุณแพทได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานฝีมือของชนเผ่านาวาโฮ ชาวอินเดียแดงกลุ่มใหญ่ที่สุดของทวีปอเมริกาเหนือ กับอัตลักษณ์ของกี่ทอแบบแนวตั้งที่มีความเชื่อสืบต่อกันมาว่า ผู้ที่สอนให้ชาวนาวาโฮสร้างกี่ทอแบบนี้ขึ้นมาก็คือ Spider Man และ Spider Woman คือผู้ที่สอนให้หญิงสาวในชนเผ่านี้รู้จักการทอผ้าเป็นครั้งแรกมีการนำเส้นขอบฟ้า เปลือกหอย และสายลมมาถักทอร่วมกัน การหลอมรวมของงานหัตถกรรมไทยให้ผสมกลมกลืนกับงานศิลป์ในอีกมุมโลกหนึ่ง
จึงเริ่มต้นขึ้น พัฒนาสู่การคิดประกอบกระเป๋าต้นแบบผสานการนำชิ้นงานมาตรฐานระดับโลกของกระเป๋าแบรนด์เนมระดับไฮเอนด์สู่การรังสรรค์กระเป๋าคอลเลกชันแรกใน 3 โมเดล นำคำว่า ดิน ฟ้า น้ำ และลม มาตั้งชื่อกระเป๋าแต่ละแบบซึ่งผลิตเพียงแบบละ 100 ใบ ในแต่ละคอลเลกชัน เพื่อให้เรื่องราวของกระเป๋าคือบันทึกที่สามารถเปลี่ยนแปลงสีสันให้เข้ากับจังหวะการใช้ชีวิตของกลุ่มลูกค้า เป็น “Everyday Bag” กระเป๋าคู่กาย คู่ใจ พร้อมสะท้อนรสนิยมของผู้ใช้ได้พร้อมๆ กัน
“การทำธุรกิจเพียงเพราะอยากมีธุรกิจ อยากมีของขาย แต่เดินตามคนอื่นไม่มีทางที่ธุรกิจนั้นจะยั่งยืนได้ แพทมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้าสินค้าดีมีคุณภาพ ยังไงก็ขายได้ การเริ่มต้นธุรกิจไม่จำกัดว่าจะต้องเกิดขึ้นเมื่อเรามีอายุเท่าไหร่ แต่ถ้าเราได้นำสิ่งที่เรียนรู้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ หาจุดต่างให้ได้ มีภาพสินค้าในใจที่ชัดเจน เมื่อพัฒนาสินค้าจนเรามีความมั่นใจที่สุดแล้ว สินค้าของเราจะมีทางไปแน่นอนที่สำคัญคือความตั้งใจและความอดทนจะทำให้สินค้าสามารถไปได้ไกลยิ่งกว่าภาพที่คุณคิดไว้ในวันเริ่มต้น”
กว่า 1 ปีครึ่งที่คุณแพทออกเดินทางแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุด พร้อมกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่คือการสร้างให้ “LOMMI” เป็นแบรนด์เนมไทยอินเตอร์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล แบรนด์เนมไทยที่นอกจากชาวต่างชาติจะชื่นชมในแบรนด์แล้วยังเข้าถึงความเป็น “Craftmanship” ของคนไทยไปพร้อมๆ กัน ผลงานในคอลเลกชันแรกของ “LOMMI” จึงเปิดตัวเป็นครั้งแรกในนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา และประเทศญี่ปุ่น ก่อนเริ่มปรากฏโฉมในเมืองไทยและกลายเป็นหนึ่งในกระเป๋ายอดนิยมของผู้ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่นไทยมากมาย จนกล่าวได้ว่า “LOMMI” คือแบรนด์กระเป๋าไทยที่น่าจับตามองที่สุดของไทยในปีนี้
ภายใต้การผสมผสานงานหัตถศิลป์และงานหัตถกรรมไทยให้เข้ากับงานศิลป์ของผู้ถ่ายทอดลมหายใจลงบนชิ้นงานชนชาติอื่นๆ อีกหนึ่งเรื่องราวที่ยังไม่มีใครทราบเกี่ยวกับชื่อแบรนด์ “LOMMI” ตัวอักษรที่วางเรียงกันออกเสียงเหมือนชื่อแบรนด์ต่างประเทศว่า “ลมมี” หรืออ่านย้อนกลับแบบเก๋ๆ ว่า “มีลม” นี้ นอกจากคำว่า “ลม” สำหรับคุณแพทจะหมายถึงสิ่งดีๆ ที่ทำให้รู้สึกชื่นใจ มีความสุขแล้ว แบรนด์นี้ยังสะท้อนความผูกพันกับคำว่า “ลม” ในชีวิตจริง ชีวิตของคุณแม่ผู้มีลูกสาว ลูกชาย แสนน่ารักที่มีชื่อเล่นว่า น้องลมพัด และน้องพัดลม สีสันและความสุขที่ทำให้คุณแพทสนุกอยู่กับสายลมแห่งความรักนี้ในทุกๆ วินาทีของชีวิต
เพราะ “LOMMI” คือบันทึกการเดินทางที่สร้างความสุขไม่มีวันจบ บันทึกหน้าแรกในขวบปีที่หนึ่งของแบรนด์ได้ทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวของชนเผ่านาวาโฮในความทรงจำของคุณแพทอย่างครบถ้วน การเล่าเรื่องราวการเดินทางครั้งต่อไปของ LOMMI เริ่มต้นขึ้นแล้ว และกำลังจะอวดโฉมเรื่องราวความสดใสของประเทศเม็กซิโกผ่านแรงบันดาลใจที่คุณแพทได้รับจากจิตรกรหญิงฝีมือก้องโลก “ฟรีดา คาห์โล” ภายใต้รูปแบบกระเป๋าที่ออกแบบใหม่ทั้งหมดเร็วๆ นี้
คุณค่างานคราฟต์ คือเรื่องราวหลายร้อยหลายพันเรื่องที่ช่างฝีมือแต่ละคนร่วมกันบันทึกลงไปในชิ้นงานแต่ละชิ้น คุณค่าซึ่งไม่อาจนำเกณฑ์ช่าง ตวง วัด หรือปริมาณใดๆ มาประเมินได้ แต่คุณค่านี้จะเกิด “คุณ” สูงสุดเมื่อผู้คนที่พบเห็นเปิดความคิดและสัมผัสของชิ้นนั้นด้วยใจ คุณค่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังพยายามฉายภาพมุมมองใหม่ให้คนทั่วโลกได้สัมผัสถึงมนต์เสน่ห์ของงานคราฟต์ฝีมือคนไทยอย่างแท้จริง
ยลโฉมเรื่องราวการเดินทางของ “LOMMI” ที่ทุกๆ 1 ปี คือหนึ่งคอลเลกชัน คือ 1 ประเทศที่เป็นตัวแทนของการเดินทาง งานฝีมือที่บรรจงเรียงร้อยกระเป๋าทุกใบเชื่อมโยงใยความเป็น LOMMI ผ่านสัญลักษณ์สายฟ้า (Thunderbolt) เล็กๆ ตัวแทนของความคิดที่ส่องสว่างขึ้นมาในหัวสมองจนเป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจให้เกิดแบรนด์และการรังสรรค์ในแต่ละคอลเลกชันของผู้หญิงที่ชื่อ “แพท-พัชรลักษณ์ เครือแก้ว ณ ลำพูน” ได้แล้ววันนี้ที่ Ecotopia ชั้น 4 สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรียม สยามพารากอน และบนเว็บไซต์ www.lommithailand.com
หน้า 25 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,379 (846) วันที่ 1 - 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
ในโลกปัจจุบันที่การพิมพ์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตมากกว่าการเขียน ความทรงจำถูกบันทึกบนโลกออนไลน์มากกว่าสมุดคู่ใจเล่มโตที่พกพาไปทุกหนแห่ง แต่สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่รักการเดินทางเป็นที่สุด เธอไม่หยุดถ่ายทอดความประทับใจไว้แค่เพียงการจรดปากกาลงบนกระดาษ แต่เธอได้นำความสุข ความสนุก และความรู้เหล่านั้นมาถ่ายทอดผ่าน แบรนด์ “LOMMI” ตัวแทนบันทึกเรื่องราวการเดินทางของผู้หญิงที่ชื่อ “แพท-พัชรลักษณ์ เครือแก้ว ณ ลำพูน”
“แพทเป็นคนชอบจดบันทึก ชอบนำกลับมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก จนวันหนึ่งเราคิดว่าอยากเปลี่ยน
การบันทึกของเราผ่านสิ่งที่เราชอบ เมื่อหันไปมองรอบๆ ตัวก็พบว่าสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้หยิบ ได้จับขึ้นมาพิศพิจารณาก็คือ “กระเป๋า” เมื่อมองเข้าไปในตลาดก็เห็นว่ากระเป๋าแบรนด์ไทยในราคานี้ ราคาที่จะเข้าไปยกระดับงานคราฟต์ของคนไทยให้อยู่ในสายตาของแบรนด์ระดับนานาชาติ และชูความเป็นคราฟต์แมนชิฟของคนไทยในแบบที่เราตั้งใจยังไม่มี การเริ่มต้นสร้างธุรกิจใหม่อีกครั้งจึงเริ่มต้นขึ้น”
รูปโฉมภายนอกของกระเป๋าที่มีรูปทรงและลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ หนังอิตาลีชั้นดีเย็บประสานอย่างประณีตกับงานทอสองมิติ เส้นฝ้ายที่ให้ความรู้สึกถึงผิวสัมผัสอันแตกต่างผลงานการเดินเส้นยืนและเส้นพุ่งของช่างทอชาวบุรีรัมย์ ก่อนมาเย็บปักลวดลายในคอลเลกชันแรกที่คุณแพทได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานฝีมือของชนเผ่านาวาโฮ ชาวอินเดียแดงกลุ่มใหญ่ที่สุดของทวีปอเมริกาเหนือ กับอัตลักษณ์ของกี่ทอแบบแนวตั้งที่มีความเชื่อสืบต่อกันมาว่า ผู้ที่สอนให้ชาวนาวาโฮสร้างกี่ทอแบบนี้ขึ้นมาก็คือ Spider Man และ Spider Woman คือผู้ที่สอนให้หญิงสาวในชนเผ่านี้รู้จักการทอผ้าเป็นครั้งแรกมีการนำเส้นขอบฟ้า เปลือกหอย และสายลมมาถักทอร่วมกัน การหลอมรวมของงานหัตถกรรมไทยให้ผสมกลมกลืนกับงานศิลป์ในอีกมุมโลกหนึ่ง
จึงเริ่มต้นขึ้น พัฒนาสู่การคิดประกอบกระเป๋าต้นแบบผสานการนำชิ้นงานมาตรฐานระดับโลกของกระเป๋าแบรนด์เนมระดับไฮเอนด์สู่การรังสรรค์กระเป๋าคอลเลกชันแรกใน 3 โมเดล นำคำว่า ดิน ฟ้า น้ำ และลม มาตั้งชื่อกระเป๋าแต่ละแบบซึ่งผลิตเพียงแบบละ 100 ใบ ในแต่ละคอลเลกชัน เพื่อให้เรื่องราวของกระเป๋าคือบันทึกที่สามารถเปลี่ยนแปลงสีสันให้เข้ากับจังหวะการใช้ชีวิตของกลุ่มลูกค้า เป็น “Everyday Bag” กระเป๋าคู่กาย คู่ใจ พร้อมสะท้อนรสนิยมของผู้ใช้ได้พร้อมๆ กัน
“การทำธุรกิจเพียงเพราะอยากมีธุรกิจ อยากมีของขาย แต่เดินตามคนอื่นไม่มีทางที่ธุรกิจนั้นจะยั่งยืนได้ แพทมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้าสินค้าดีมีคุณภาพ ยังไงก็ขายได้ การเริ่มต้นธุรกิจไม่จำกัดว่าจะต้องเกิดขึ้นเมื่อเรามีอายุเท่าไหร่ แต่ถ้าเราได้นำสิ่งที่เรียนรู้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ หาจุดต่างให้ได้ มีภาพสินค้าในใจที่ชัดเจน เมื่อพัฒนาสินค้าจนเรามีความมั่นใจที่สุดแล้ว สินค้าของเราจะมีทางไปแน่นอนที่สำคัญคือความตั้งใจและความอดทนจะทำให้สินค้าสามารถไปได้ไกลยิ่งกว่าภาพที่คุณคิดไว้ในวันเริ่มต้น”
กว่า 1 ปีครึ่งที่คุณแพทออกเดินทางแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุด พร้อมกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่คือการสร้างให้ “LOMMI” เป็นแบรนด์เนมไทยอินเตอร์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล แบรนด์เนมไทยที่นอกจากชาวต่างชาติจะชื่นชมในแบรนด์แล้วยังเข้าถึงความเป็น “Craftmanship” ของคนไทยไปพร้อมๆ กัน ผลงานในคอลเลกชันแรกของ “LOMMI” จึงเปิดตัวเป็นครั้งแรกในนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา และประเทศญี่ปุ่น ก่อนเริ่มปรากฏโฉมในเมืองไทยและกลายเป็นหนึ่งในกระเป๋ายอดนิยมของผู้ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่นไทยมากมาย จนกล่าวได้ว่า “LOMMI” คือแบรนด์กระเป๋าไทยที่น่าจับตามองที่สุดของไทยในปีนี้
ภายใต้การผสมผสานงานหัตถศิลป์และงานหัตถกรรมไทยให้เข้ากับงานศิลป์ของผู้ถ่ายทอดลมหายใจลงบนชิ้นงานชนชาติอื่นๆ อีกหนึ่งเรื่องราวที่ยังไม่มีใครทราบเกี่ยวกับชื่อแบรนด์ “LOMMI” ตัวอักษรที่วางเรียงกันออกเสียงเหมือนชื่อแบรนด์ต่างประเทศว่า “ลมมี” หรืออ่านย้อนกลับแบบเก๋ๆ ว่า “มีลม” นี้ นอกจากคำว่า “ลม” สำหรับคุณแพทจะหมายถึงสิ่งดีๆ ที่ทำให้รู้สึกชื่นใจ มีความสุขแล้ว แบรนด์นี้ยังสะท้อนความผูกพันกับคำว่า “ลม” ในชีวิตจริง ชีวิตของคุณแม่ผู้มีลูกสาว ลูกชาย แสนน่ารักที่มีชื่อเล่นว่า น้องลมพัด และน้องพัดลม สีสันและความสุขที่ทำให้คุณแพทสนุกอยู่กับสายลมแห่งความรักนี้ในทุกๆ วินาทีของชีวิต
เพราะ “LOMMI” คือบันทึกการเดินทางที่สร้างความสุขไม่มีวันจบ บันทึกหน้าแรกในขวบปีที่หนึ่งของแบรนด์ได้ทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวของชนเผ่านาวาโฮในความทรงจำของคุณแพทอย่างครบถ้วน การเล่าเรื่องราวการเดินทางครั้งต่อไปของ LOMMI เริ่มต้นขึ้นแล้ว และกำลังจะอวดโฉมเรื่องราวความสดใสของประเทศเม็กซิโกผ่านแรงบันดาลใจที่คุณแพทได้รับจากจิตรกรหญิงฝีมือก้องโลก “ฟรีดา คาห์โล” ภายใต้รูปแบบกระเป๋าที่ออกแบบใหม่ทั้งหมดเร็วๆ นี้
คุณค่างานคราฟต์ คือเรื่องราวหลายร้อยหลายพันเรื่องที่ช่างฝีมือแต่ละคนร่วมกันบันทึกลงไปในชิ้นงานแต่ละชิ้น คุณค่าซึ่งไม่อาจนำเกณฑ์ช่าง ตวง วัด หรือปริมาณใดๆ มาประเมินได้ แต่คุณค่านี้จะเกิด “คุณ” สูงสุดเมื่อผู้คนที่พบเห็นเปิดความคิดและสัมผัสของชิ้นนั้นด้วยใจ คุณค่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังพยายามฉายภาพมุมมองใหม่ให้คนทั่วโลกได้สัมผัสถึงมนต์เสน่ห์ของงานคราฟต์ฝีมือคนไทยอย่างแท้จริง
ยลโฉมเรื่องราวการเดินทางของ “LOMMI” ที่ทุกๆ 1 ปี คือหนึ่งคอลเลกชัน คือ 1 ประเทศที่เป็นตัวแทนของการเดินทาง งานฝีมือที่บรรจงเรียงร้อยกระเป๋าทุกใบเชื่อมโยงใยความเป็น LOMMI ผ่านสัญลักษณ์สายฟ้า (Thunderbolt) เล็กๆ ตัวแทนของความคิดที่ส่องสว่างขึ้นมาในหัวสมองจนเป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจให้เกิดแบรนด์และการรังสรรค์ในแต่ละคอลเลกชันของผู้หญิงที่ชื่อ “แพท-พัชรลักษณ์ เครือแก้ว ณ ลำพูน” ได้แล้ววันนี้ที่ Ecotopia ชั้น 4 สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรียม สยามพารากอน และบนเว็บไซต์ www.lommithailand.com
หน้า 25 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,379 (846) วันที่ 1 - 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
